นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในฐานะโฆษก ธ.ก.ส. กล่าวว่า การขายสลากออมทรัพย์เกษตรยั่งยืน หน่วยละ 20 บาท เป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาทในช่วง 2 ปี เริ่มเปิดขายไปเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดขายไปแล้วเกือบ 600 ล้านบาท มีผู้มาซื้อประมาณ 8 หมื่นราย ซื้อเฉลี่ยรายละ 80-100 บาท สูงสุดระดับหมื่นบาท โดยกว่า 75% เป็นการซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น เอ โมบาย ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ธ.ก.ส.วางไว้ต้องการให้ประชาชนรายย่อยมาซื้อสลาก และอยากเห็นยอดขายเดือนละประมาณ 500-1,000 ล้านบาท
นายสมเกียรติกล่าวว่า ในการซื้อสลากนอกจากซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น ยังสามารถซื้อผ่านเคาเตอร์เซอร์วิส ล่าสุด ธ.ก.ส.ธ.ก.ส. ร่วมกับ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) และบริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เปิดให้บริการรับฝากเงินสดและฝากสลากออมทรัพย์เกษตรยั่งยืน ที่ตู้เติมสบายพลัสและตู้บุญเติม เพิ่มช่องทางการทำธุรกรรมการเงินและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ซึ่งทั้ง 2 แห่งมีตู้ให้บริการกว่า 1.8 แสนจุดทั่วประเทศ คาดว่าความร่วมมือดังกล่าวทำให้ยอดขายสลาก ออมทรัพย์เกษตรยั่งยืน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 1,000 ล้านบาท
นายสมเกียรติกล่าวว่า ทั้งนี้ธ.ก.ส.ลงนามกับบริษัท 2 แห่งไปเมื่อวันที่ 17 กันยายน นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ รองผู้จัดการธ.ก.ส. เป็นผู้ลงนามกับผู้บริหารทั้ง 2 บริษัท ซึ่งเข้ามาเป็นตัวแทนของธนาคาร(แบงกิ้ง เอเยนต์) ทำให้ลูกค้าธนาคารกว่า 4 ล้านรายได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น แม้จะมีการคิดค่าธรรมเนียม 3 บาท และ 5 บาทต่อธุรกรรม แต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายของลูกค้าที่ไม่ต้องเดินมาสาขาของแบงก์
ด้านนายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตตู้เติมเงินออนไลน์เติมสบายพลัส กล่าวว่า ตู้เติมสบายพลัสมีอยู่ในทุกแหล่งชุมชนกว่า 51,000 ตู้ทั่วประเทศ ดังนั้นการได้รับความไว้วางใจจากธ.ก.ส.ในการเปิดบริการ แบงกิ้ง เอเยนต์ครั้งนี้ จึงเป็นการต่อยอดการให้บริการแก่ลูกค้าของเติมสบายพลัสได้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น ภายในสิ้นปีนี้จะขยายจำนวนตู้เติมเงินไปถึง 60,000 ตู้ ทั่วประเทศ
นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือตู้อัจฉริยะบุญเติม กล่าวว่า การเป็นหนึ่งในตัวแทนของธนาคาร ธ.ก.ส. เพื่อรับฝากเงินสดและฝากสลากออมทรัพย์เกษตรยั่งยืนในครั้งนี้ ถือเป็นการเสริมศักยภาพให้กับตู้บุญเติมที่กระจายให้บริการทุกพื้นที่ตั้งแต่ระดับชุมชน หมู่บ้าน และระดับจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่สะดวกในการเดินทางสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้นจากตู้บุญเติมกว่า 130,000 จุดทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าธนาคารแล้ว ยังช่วยเพิ่มบริการหน้าตู้บุญเติมให้เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มมากขึ้นด้วย
