ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง ‘RBF’ ลุยโรดโชว์นักลงทุนใน-นอกปท. ขาย IPO ‘RBF’ นักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมาย 4-4.60 บาท

ดร.สมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปรแมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือไฟลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ในวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา

นายสมภพกล่าวว่า บริษัทเตรียมนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) แก่กองทุน นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนรายย่อยและประชาชนทั่วไปใน 15 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต นครปฐม ราชบุรี เชียงใหม่ อุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น พิษณุโลก นครสวรรค์ อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี สงขลา และกรุงเทพมหานคร

“ธุรกิจของ RBF มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมากในอนาคต เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมมากกว่า 80% ของรายได้รวม ซึ่งการเดินทางโรดโชว์กับนักลงทุนต่างๆ เพื่อให้เข้าใจธุรกิจของบริษัทมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทุกกลุ่มอย่างแน่นอน”

Advertisement

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 2,000 ล้านบาท (มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาท) แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,000 ล้านหุ้น ซึ่งชำระทุนจดทะเบียนแล้ว 1,480 ล้านหุ้น และอีกจำนวน 520 ล้านหุ้น จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) คิดเป็นสัดส่วน 26% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด ทั้งนี้ RBF เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บล. ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ RBF ในครั้งนี้

ดร.สมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingreadients) ให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก รวมถึงผลิตตามคำสั่งซื้อ (Made to order) นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ “อังเคิลบาร์นส์” “เบสท์ โอเดอร์” “ก๊อปจัง” “Haeyo” “Angelo” และ “Aroi Mak Mak”

Advertisement

ทั้งนี้ บริษัทแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 6 กลุ่ม คือ กลุ่มวัตถุแต่งกลิ่นและรส และสีผสมอาหาร กลุ่มแป้งและซอส กลุ่มผลิตภัณฑ์อบแห้ง กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง กลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติก และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซื้อมาเพื่อจำหน่าย ปัจจุบันส่งออกผลิตภัณฑ์ไปขายทั่วโลก อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา ประเทศแถบตะวันออกกลางและเอเชียใต้ ทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรต คูเวต อินเดีย ปากีสถาน รวมไปถึงออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย อังกฤษ เยอรมันและสหรัฐอเมริกา

ด้านนักวิเคราะห์โดยแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น 2 แห่ง ได้แก่ บล.ฟินันเซีย ไซรัสให้ราคาสูงสุดที่ 4.60 บาท และบล.กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมาย 4.03-4.52 บาท ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิปี 2563 จะอยู่ที่ 432 ล้านบาท เติบโต 24% จากการรับรู้รายได้จากโรงงานใหม่ต่างประเทศ สำหรับราคาเสนอขายหุ้น IPO ต้องรอสำรวจความต้องการซื้อ (Book Buiding) จากนักลงทุนสถาบันก่อน

ขณะที่นักวิเคราะห์จากบล. เคที ซีมิโก้ จำกัด ให้ราคาเป้าหมาย 4.52 บาท โดยมองว่า RBF จะมีกำไรปกติใน 3 ข้างหน้าเติบโตเฉลี่ย 15% จาก 324 ล้านบาท เป็น 488 ล้านบาท ตามลำดับ และคาดว่ายอดขายเพิ่ม 9% ต่อปีจากการเพิ่มการผลิต รวมถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 38% ในปี 2561 เป็น 39% ในปี 2564 และมีรายได้จากต่างประเทศราว 15% ของรายได้ธุรกิจผลิตและผลิตจำหน่ายส่วนประกอบอาหารในปี 2563 ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าราว 37% ของต้นทุนวัตถุดิบรวมทำให้ RBF มีฐานะเป็นผู้นำเข้าสุทธิราว 8% ดังนั้นเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุก 1 บาทจะเป็นแนวโน้มเชิงบวกต่อประมาณการกำไรและมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ราว 1.3% ส่วนบริษัท โกลเบล็ก จำกัด ให้ราคาเหมาะสมที่ 4.44 บาท จากการประเมินว่ากำไรปี 2562 และ 2563 อยู่ประมาณ 352.5 ล้านบาท และ 396.2 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโต 9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยมาจากการขยายตลาดในต่างประเทศ ตามแผนงานของบริษัทที่ได้ไปตั้งโรงงานในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นจาก 37.8% เป็น 37.9% เนื่องจากธุรกิจโรงแรมจะถึงจุดคุ้มทุนจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติและค่าเสื่อมราคาที่ลดลง รวมถึงธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตและรุกตลาดผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้

สำหรับบริษัท หลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) ให้ราคาพื้นฐานที่ 4.36 บาท ประมาณกำไรสุทธิปี 2562 และปี 2563 อยู่ที่ 376 ล้านบาท และ 436 ล้านบาท เติบโต 16.1% ตามลำดับ ขณะที่บริษัท หลักทรัพย์อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรสุทธิปี 62 เติบโต 7% ตามการพื้นตัวของอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ โดยผลประกอบการรครึ่งปีหลังของปี 2562 จะเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ขณะที่ปี 2563-2564 จะเติบโตเร่งตัวเป็น 24% และ 15% ตามลำดับ บล.เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.30 บาท บล. ไอร่า จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท บล. โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4 บาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image