ทนายเดชา ชำแหละจุดอ่อน-จุดแข็งคดี ‘ลันลาเบล’ ชี้ ตร.ต้องทำงานหนัก

นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความเจ้าของเพจ “ทนายคลายทุกข์” ได้โพสต์คลิปวิดีโอและข้อความวิเคราะห์ คดีการเสียชีวิตปริศนาของ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ “ลันลาเบล” พริตตี้ชื่อดัง โดยนายเดชาได้วิเคราะห์ดีเป็นข้อๆ ดังนี้

1.คดีนี้มีจุดอ่อน คือ ไม่มีประจักษ์พยานไม่มีใครรู้เห็นขณะทำความผิด จึงเป็นเรื่องยากที่จะเอาผิดผู้ต้องหาในคดีนี้

2.พนักงานสอบสวนหากต้องเอาคนร้ายมาลงโทษ ต้องมีพยานแวดล้อม เพราะประจักษ์พยานไม่มี ก็ต้องมีพยานแวดล้อมพยานใกล้ชิด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพวกของคนที่จะเป็นผู้ต้องหาทั้งสิ้น ฉะนั้นโอกาสขอความร่วมมือก็จะยากยกเว้นกันเป็นพยาน

3.ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เป็นหลักฐานว่ามีการพาตัวผู้ตายไป ก็เป็นหลักฐานเพียงว่ามีการพาตัวผู้ตายไป ส่วนจะพาไปด้วยความยินยอมหรือไม่ยินยอม หรืออะไรต่างๆ ตายแล้วหรือยังก็ต้องไปพิสูจน์ ตอนนี้ยังมีความสงสัยหลายประการก็ต้องรอผลการพิสูจน์จากแพทย์

Advertisement

4.หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น เส้นผม ขน สารคัดหลั่งที่พบในตัวผู้ตาย ต้องพิสูจน์ต่อไปว่าใช่ของคนที่ต้องสงสัยหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็จบ ก็ต้องรอการพิสูจน์

5.หลักฐานการสนทนาทางแชต ต้องดูว่า อ่านหรือฟังแล้วเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไหม เขายอมรับชัดเจนไหมว่าเขาเป็นคนข่มขืน เป็นคนอนาจาร เป็นคนฆ่า เป็นคนหน่วงเหนี่ยว ถ้าไม่ชัดก็ไม่เกิดประโยชน์

“คดีนี้ยังมีช่องว่างอีกเยอะในการที่จะพิสูจน์ความจริง การออกหมายจับก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ต้องหาก็ไม่ได้หลบหนี ฉะนั้นถ้าจะไปพิสูจน์ว่าเขาฆ่าคนตาย และเขาใช้อะไรฆ่า ใช้ยาหรืออะไร มีหลายเรื่องที่ตำรวจต้องทำงานหนัก การดำเนินคดีแค่เรื่องออกหมายจับก็ยังเหนื่อยอยู่ ส่วนที่จะเอามาลงโทษจะต้องทำงานหนักอีกเยอะจนปราศข้อสงสัย ศาลจึงจะลงโทษได้มีหลายเรื่องที่จะต้องติดตามต่อไป” นายเดชากล่าว

Advertisement

นายเดชาระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึง “จุดแข็งของคดี” ด้วยว่า

– มีกล้องวงจรปิดเห็นภาพขณะนำตัวผู้ตายไปยังอาคารชุด มีข้อความสนทนาทางแชต และพบสารคัดหลั่งในตัวผู้ตาย ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบว่าเป็นของผู้ต้องหาหรือไม่ หรือของใคร แต่กล้องวงจรปิดและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ก็มีประโยชน์บางส่วนเท่านั้น เช่นเห็นขณะนำตัวไปแต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าขนาดนั้น ผู้ตายตายแล้วหรือยัง ต้องไปพิสูจน์กันอีกต่อไป

– การแจ้งข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังนั้น ก็ต้องนำสืบให้ได้ว่าผู้ตายไม่ยินยอมจะไปด้วย ส่วนการแจ้งข้อหาอนาจารนั้นก็ต้องได้ความว่า ผู้ตายไม่ยินยอม, การแจ้งข้อหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนาก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าผู้ต้องหาเป็นคนฆ่าโดยใช้อาวุธอะไรหรือใช้ยา

ซึ่งที่ผมกล่าวมานั้นเป็นสิ่งที่พนักงานสอบสวนต้องทำงานหนักต่อไปถ้าจะเอาคนผิดมาลงโทษ

#วิเคราะห์คดีลัลลาเบล- คดีนี้มีจุดอ่อนเนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานเห็นขณะกระทำความผิด ทำให้ผู้ต้องหามีโอกาสในการปฏิเสธและต่อสู้คดีได้ง่าย- คดีนี้มีแต่พยานแวดล้อมเท่านั้นและส่วนใหญ่พยานเหล่านี้ก็จะเป็นเพื่อนฝูงของผู้ต้องหา จึงยากที่จะได้ความจริงที่เป็นประโยชน์กับพนักงานสอบสวน- จุดแข็งของคดีมีกล้องวงจรปิดเห็นภาพขณะ นำตัวผู้ตายไปยังอาคารชุด มีข้อความสนทนาทางแชท และพบสารคัดหลั่งในตัวผู้ตายซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบว่าเป็นของผู้ต้องหาหรือไม่หรือของใคร แต่กล้องวงจรปิด และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ก็มีประโยชน์บางส่วนเท่านั้นเช่นเห็นขณะนำตัวไปแต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าขนาดนั้น ผู้ตายตายแล้วหรือยัง ต้องไปพิสูจน์กันอีก ต่อไป- การแจ้งข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังนั้น ก็ต้องนำสืบให้ได้ว่าผู้ตายไม่ยินยอมจะไปด้วย ส่วนการแจ้งข้อหาอนาจารนั้นก็ต้องได้ความว่า ผู้ตายไม่ยินยอม,การแจ้งข้อหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนาก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าผู้ต้องหาเป็นคนฆ่าโดยใช้อาวุธอะไรหรือใช้ยา #ซึ่งที่ผมกล่าวมานั้นเป็นสิ่งที่พนักงานสอบสวนต้องทำงานหนักต่อไปถ้าจะเอาคนผิดมาลงโทษการติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับคดีนี้อยากให้พี่น้องประชาชนมองอย่างกลางๆ#ทนายคลายทุกข์ให้ความรู้เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมอย่างตรงไปตรงมาและเป็นกำลังใจให้ตำรวจในการพิสูจน์ความจริงและหาคนร้ายตัวจริงมาลงโทษ#ถ้าเป็นประโยชน์​แชร์ด้วยครับ

โพสต์โดย ทนายคลายทุกข์ เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2019

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image