ภาพเก่าเล่าตำนาน : ฝูงบินมฤตยู…เคยมาอยู่…ณ อู่ตะเภา โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

ระหว่างทำสงครามใน เวียดนาม ลาว และกัมพูชา กล่าวกันว่า กองทัพอากาศสหรัฐ “แทบจะยกกองทัพอากาศมาไว้ในประเทศไทย”

สหรัฐมาสร้าง-ขยายฐานทัพอากาศในไทย เพื่อส่งเครื่องบินรบอันทรงอานุภาพอันดับต้นๆ ของโลกนับไม่ถ้วน “บินเต็มท้องฟ้า” ไปทำสงครามในเวียดนาม ลาว และบางส่วนของกัมพูชา

ตาคลี นครพนม อุบลฯ อุดรฯ โคราช อู่ตะเภา และกำแพงแสน ฐานทัพ-สนามบินเหล่านี้ คือ มรดกของสงครามเวียดนาม

ทุกสนามบินยังคงใช้การได้ดี คนไทยได้ใช้ และพัฒนาต่อยอดเป็นสนามบินนานาชาติ โอ่อ่า สง่างามมาจนถึงทุกวันนี้

Advertisement

ภาพเก่า…เล่าตำนาน ตอนนี้ขอย้อนเวลากลับไปพูดคุย “เฉพาะ” สนามบินอู่ตะเภา สัตหีบ ที่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว เคยเป็นสนามบินขนาดย่อม เงียบๆ สำหรับกองบินราชนาวีไทย…ก่อนเกิดอภินิหาร

มีนาคม 2490 ประธานาธิบดี ทรูแมน (Truman) ประกาศ จะให้ความช่วยเหลือแก่ทุกประเทศในโลก ที่โดนมหาอำนาจในระบอบคอมมิวนิสต์ (คือ โซเวียตและจีน) คุกคาม…

มกราคม 2493 ทั้งโซเวียตและจีน ช่วยกันส่งความช่วยเหลือทางทหาร ไปให้กองกำลังของพรรคคอมมิวนิสต์ (เวียดมินห์) ที่กำลังต่อสู้ในประเทศเวียดนามเพื่อขับไล่กองทัพฝรั่งเศส และสถาปนาเวียดนามให้ปกครองแบบคอมมิวนิสต์

Advertisement

มีนาคม-พฤษภาคม 2497 กองกำลังเวียดมินห์ ที่นำโดย โฮจิมินห์ ไม่ทำให้ลูกพี่ผิดหวัง นำกำลังทหารป่า ชาวบ้าน เข็นปืนใหญ่ขึ้นเขายิง “ฐานทัพเดียนเบียนฟู” ของมหาอำนาจฝรั่งเศสแตกพ่าย…ฝรั่งเศสขายหน้าไปทั้งโลก

เมษายน 2497 ประธานาธิบดี ไอเซนฮาวร์ ประกาศว่ากองกำลังคอมมิวนิสต์เวียดมินห์เป็นอันตรายต่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยทฤษฎีโดมิโน (Domino Theory)

อเมริกา กับ โซเวียตและจีน ดำเนินนโยบายสวนทางกัน ทิ่มแทงกันในเวทีโลก ไม่เผชิญหน้ากัน ไม่รบกันเอง แต่ไปสนับสนุนลูกน้องให้ทำสงครามกัน

ชาวโลกเรียกกันง่ายๆ ว่า “สงครามเย็น” (Cold war)

แต่สำหรับสงครามในเวียดนาม…ขาใหญ่มะกันมารบด้วยตัวเอง

เหตุปัจจัยที่ทำให้ต้องรบราฆ่าฟันกัน คือ ฉันเป็นพวกโลกเสรี แกมันเป็นพวกคอมมิวนิสต์…เราอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้

เข้าใจแบบง่ายๆ ไม่ต้องเวียนหัว…สงครามเวียดนาม ระเบิดขึ้นเมื่อสิงหาคม 2507 เมื่อเรือรบเวียดนามเหนือยิงเรือรบสหรัฐชื่อ USS Maddox ในอ่าวตังเกี๋ย (Gulf of Tonkin)

หลักการสงครามของมหาอำนาจสหรัฐในยุคสมัยโน้น ทำสงคราม 3 มิติ คือ บก เรือ อากาศ …อเมริกาเป็น 1 เดียวในโลกที่ทรงอิทธิพลทางทหารสูงสุด ร่ำรวยสุดสุด ไม่มีใครทาบรัศมีได้…

8 มีนาคม 2508 นาวิกโยธินมะกันชุดแรกราว 2 พันนายเดินทางมาขึ้นบกที่เมือง ดานัง (Danang) ในเวียดนามตอนใต้

กำลังทหารของเวียดมินห์ (เวียดนามเหนือ) ภายใต้การดูแลของโซเวียตและจีน เติบใหญ่ แข็งแกร่งทรงอานุภาพ เริ่มแผ่ขยายอิทธิพลเข้าไปในกัมพูชา ลาว และบางส่วนของประเทศไทยตามทฤษฎีโดมิโน

ทำเนียบขาวเกณฑ์เด็กหนุ่มอเมริกัน ผิวขาว ผิวดำ มาทำสงครามในเวียดนามสูงสุด จำนวน 1 แสน 4 หมื่นนาย เมื่อ พ.ศ.2514 และยังเรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรของสหรัฐ ส่งทหารเข้าไปร่วมรบ เช่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไทย นิวซีแลนด์

สหรัฐมองหาที่ตั้ง “ฐานทัพอากาศ” ที่ต้องเผด็จศึกให้ราบคาบ

ในปี พ.ศ.2504 กองทัพเรือไทยกำลังก่อสร้างสนามบินทหารเรือ พื้นที่บริเวณจังหวัดระยอง สนามบินแห่งใหม่ของกองทัพเรือบริเวณหมู่บ้านอู่ตะเภา จังหวัดระยอง โดยเป็นทางวิ่งลาดยางความยาว 1,200 เมตร

นี่คือโอกาสทองของไทย…ที่จะสร้างสนามบินอู่ตะเภา

พ.ศ.2508 ครม.ได้ลงมติอนุญาตให้กองทัพสหรัฐอเมริกาปรับปรุงสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเป็นฐานทัพในการลำเลียงหน่วยรบไปยังจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ภายในประเทศ การก่อสร้างโดยเงินและการควบคุมของทหารสหรัฐ… ลุงแซมสร้างทั้งวันทั้งคืน แล้วเสร็จใน 1 ปี

มีเศรษฐีใหม่คนไทยเกิดขึ้นหลายราย สำหรับการถมดิน ขายหิน ขายปูน ขายทราย สหรัฐจ่ายเงินสดแบบไม่อั้น

จอมพลถนอม กิตติขจร ผบ.ทหารสูงสุดในเวลานั้น อนุมัติให้กองทัพเรือใช้สนามบินนี้และดูแลรักษาโดยใช้ชื่อว่า “สนามบินอู่ตะเภา”

ในเวลาเดียวกัน ทหารช่างสหรัฐที่เดินทางเข้ามาในไทย ก็ปรับปรุงสนามบินอื่นๆ เพื่อใช้สำหรับอากาศยานทางทหาร ติดตั้งเรดาร์ที่ทรงอานุภาพในไทยเพื่อปฏิบัติการล้วงลึกเข้าไปในเวียดนาม ลาว กัมพูชา

ทหารอเมริกันทั้ง 3 เหล่าทัพ เดินกันขวักไขว่ เป็นเรื่องคุ้นชินสายตาทั้งใน กทม.และหลายจังหวัด

โรงแรม บ้านเช่า รถยนต์หรู รถบัสปรับอากาศ ป้ายชื่ออาคารร้านค้า ร้านอาหาร เพิ่มพื้นที่เป็นภาษาอังกฤษ

สนามบินที่มีเครื่องบินทิ้งระเบิดทรงอานุภาพที่สุดในโลกเวลานั้น คือ อู่ตะเภา มันคือเครื่องบิน B-52

ช่วงปี 2509 สงครามเวียดนามรบดุเดือดที่สุด จำนวนเที่ยวบินที่ออกจากฐานทัพไทยไปทิ้งระเบิดในเวียดนามอยู่ระหว่าง 875-1,500 เที่ยวต่อสัปดาห์ ขณะที่จำนวนทหารสหรัฐในไทยเพิ่มสูงขึ้นถึงประมาณ 48,000 นาย ในปี พ.ศ.2512

เมื่อกองทัพอากาศสหรัฐเข้ามาใช้สนามบินอู่ตะเภาอย่างเต็มพิกัด ชีวิตความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ สังคม ของชาวอู่ตะเภาเปลี่ยนไปแบบจำไม่ได้

ร้านค้า โรงแรม สถานบันเทิง แหล่งเริงรมย์ โลกีย์ เกิดขึ้นราวกับดอกเห็ดเพื่อดูดซับดอลลาร์อเมริกัน…ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่ต้องทำมาหากิน

ข้อมูลจากสหรัฐที่ผู้เขียนแปลออกมาระบุว่า สหรัฐเริ่มใช้อู่ตะเภา เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2509 – 20 มิถุนายน 2519 อู่ตะเภามีเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 เครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ KC-135 เครื่องบินถ่ายภาพทางอากาศ และเครื่องบินชนิดต่างๆ อีกมหาศาลเพื่อทำสงครามในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา

เสียงเครื่องยนต์ของป้อมบินยักษ์ B-52 ทั้งบินขึ้น บินลง คำรามก้องฟ้าอู่ตะเภาทั้งวันทั้งคืน คลื่นเสียงที่ปล่อยออกมาจากเครื่องยนต์ขณะทะยานขึ้น เป็นพลังงานไปสั่นสะเทือนบานกระจก หลังคาบ้าน ฝาบ้าน ทุกสรรพสิ่งในบริเวณสนามบิน เสียงดังปานฟ้าผ่า

เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 สตราโตฟอร์เทรส (B-52 Stratofortress) เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์พลังไอพ่นพิสัยไกลที่ถูกใช้โดยกองทัพอากาศสหรัฐ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2498 สร้างโดยบริษัทโบอิง พิสัยบิน 16,000 กิโลเมตร เพดานบิน 16,000 เมตร

B-52 มีเครื่องยนต์ 8 เครื่อง ถูกสร้างมาเพื่อบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ในสงครามเย็น ในช่วงสงครามเวียดนาม มันคือ “พาหนะแห่งความตาย” ที่นำลูกระเบิดหนักครั้งละ 32 ตัน บินไปทิ้งในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา

เมื่อทะยานขึ้นท้องฟ้า เครื่องยนต์ทั้ง 8 จะก่อเกิดควันสีดำพุ่งออกท้ายเครื่อง ฟ้าที่สดใสต้องมืดมิดจากเครื่องยนต์เจ้านกยักษ์

ผู้เขียนเองมีโอกาส ได้เห็น B-52 บินขึ้นด้วยความเร้าใจหลายครั้ง และรักที่จะจ้องมองนกยักษ์ที่แผดเสียงสนั่นเวหา สะเทือนเลื่อนลั่น

ฝูงบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ที่ 307 ของกองทัพอากาศสหรัฐ และกองบินยุทธศาสตร์ที่ 4258 ถูกส่งมาอยู่ที่ สนามบินอู่ตะเภาโดยเฉพาะ เมื่อขึ้นบินไปแล้วบางเครื่องก็ไม่ได้กลับมาอู่ตะเภาอีกเลย

ประชาชนคนไทยย่าน สัตหีบ อู่ตะเภา คุ้นชินกับภาพและเสียงตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี ในช่วง พ.ศ.2509 ถึง พ.ศ.2519

การทำสงครามของสหรัฐ จะต้องมีเส้นทางส่งกำลัง สร้างท่าเรือที่ทุ่งโปรง และจุกเสม็ด สร้างข่ายถนน 301 และ 304 ที่เชื่อมต่อกันสำหรับการส่งกำลังบำรุง (Logistics) ทหารช่างอเมริกันเข้ามาสร้างถนนชั้นดีมีคุณภาพในภาคตะวันออก เชื่อมต่อไปภาคอีสาน

โครงข่ายถนน ท่าเรือน้ำลึก เป็นสถาปัตยกรรมที่มีแบบแผน เป็นระบบ ระเบียบ ที่สหรัฐสร้างใช้เพื่อการสงครามและยามปกติ

ทหารช่างอเมริกันถอดเสื้อตัวแดงขณะทำงานถนน เพื่อรับแสงแดดที่เหลือเฟือในประเทศไทย เป็นภาพที่ตื่นตาสำหรับคนไทย ถนนที่ทหารช่างมะกันสร้างให้เพื่อการสงคราม มีคุณภาพเยี่ยมยอด รถวิ่งเรียบเงียบกริบ ไร้รอยต่อ แม้กระทั่งคอสะพาน ทนทานที่สุด

คนไทยทุกคนยอมรับว่า ทุกถนนที่ทหารช่างสหรัฐก่อสร้างคือ ถนนที่ดีที่สุดที่ประเทศไทยเคยมี

เครื่องมือของทหารช่างสหรัฐทุกชนิดใหญ่โตมโหฬาร เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ รถบรรทุกแบบ รถพ่วงชานต่ำ (Low Bed) วิ่งกันขวักไขว่ทั่วภาคตะวันออก ภาคอีสาน บรรทุกลูกระเบิดจากท่าเรือ บรรทุกชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับยานพาหนะสงคราม

รถตู้คอนเทนเนอร์แบบแช่เย็น นำอาหาร นม ผลไม้ ของสดจากอเมริกาเข้ามาเลี้ยงดูทหารให้อิ่มหนำสำราญตามสไตล์อเมริกัน

อาหาร เครื่องแบบ เสื้อผ้า รองเท้า บุหรี่ เหล้า เบียร์ จากทหารอเมริกันทะลักออกมาวางขายในท้องตลาด เงินทองสะพัดทุกหนแห่ง

ที่ฮิตฮอตสุดสุด คือ แว่นตา เรย์แบน และแว่นตา AO ของทหารมะกัน มีขายใน PX ที่ต้องตะเกียกตะกาย ฝากซื้อให้เล็ดลอดมาให้ได้ ราคาพอผ่อนไหว เพราะใส่แล้วหล่อทันที

สถานบันเทิงที่คนไทยถนัด-จัดให้ บาร์แห่งแรกอยู่ที่คลองไผ่ รอยต่อระหว่าง ชลบุรี-ระยอง เรียกกันว่า กม.11 ชื่อบาร์ สวีทฮาร์ท

ชีวิตของผู้คนในสังคมไทยเปลี่ยนไป มีดอลลาร์จากทหารสหรัฐเป็นตัวขับเคลื่อน มีการย้ายที่อยู่ ซื้อขายที่ดิน เกิดธุรกิจใหม่ๆ แบบชั่วข้ามคืน ทุกคนมุ่งหน้าหากินกับทหารอเมริกันที่มาทำสงคราม

9 เมษายน 2511 รัฐบาลจอมพลถนอม สั่งจัดระเบียบเพื่อการรักษาความปลอดภัยโดยให้สถานบันเทิงทั้งหมดย้ายออกจากเขตปลอดภัยกองทัพเรือ

เกิด อเมริกันทาวน์ หรือหมู่บ้านนิวแลนด์ ขึ้นในพื้นที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง บาร์เบียร์ อาบอบนวด รถเช่า เมียเช่า บ้านเช่า บังกะโล ภัตตาคาร เกิดขึ้นใหม่ทุกวัน

กองทัพสหรัฐจ้างคนไทยเข้าไปทำงานในฐานบินและในบริเวณที่พักอาศัย เก็บขยะ ซักรีด ใช้แรงงาน ขับรถ ชาวบ้านได้รับค่าจ้างแบบมหึมาก้อนโตแบบไม่เคยนึกมาก่อน ทิ้งไร่ ทิ้งนา ทิ้งสวน มาทำงานในแคมป์ทหารมะกัน…หลายคนตั้งตัวได้…

สหรัฐให้ความช่วยเหลือ สร้างโรงเรียน สร้างระบบไฟฟ้า สาธารณสุข อุตสาหกรรม แก่ชุมชนในพื้นที่ตามหลักการทางทหาร

เมื่อดอลลาร์สะพัดปลิวว่อน สิ่งที่ตามมาคือ ยาเสพติด อาชญากรรม หญิงบริการชาวไทยแต่งตัว แต่งหน้า ทาปาก สูบบุหรี่ตามแฟชั่นในอเมริกา เต้นรำ ฟังเพลง วงดนตรี ตามแบบอเมริกัน

เป็นข้อมูลส่งท้ายครับ…ถนนมิตรภาพ ช่วงต่อจากโคราชถึงหนองคาย เริ่มสร้างในปี พ.ศ.2504 ระยะทาง 360 กม. รัฐบาลไทยได้รับความช่วยเหลือทางเทคนิคและงบประมาณจากองค์การบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐ (USOM) เริ่มเปิดใช้เมื่อ 28 ม.ค. 2508 ก็เป็นผลพลอยได้จากสงครามเวียดนาม

ข้อมูลจาก ทอ.สหรัฐ ระบุว่า การทิ้งระเบิดกว่าร้อยละ 80 ต่อเวียดนามเหนือ…บินขึ้นมาจากฐานทัพอากาศในประเทศไทยครับ…

ไม่บอก ไม่เล่า ไม่กล่าว…เดี๋ยวลูกหลานจะลืม….

พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image