เมื่อวันที่ 22 กันยายน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการจัดกิจกรรมฝ่ายค้านเพื่อประชาชนสัญจร ที่ อ.บางละมุง และ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมาว่า ได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่มาร่วมเวทีพูดคุยอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในประเด็นการได้รับผลกระทบจากการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ฉบับเจ้าปัญหา ประชาชนต่างออกความเห็นว่าทั้งสองประเด็นนั้น ต้นเหตุมาจากรัฐบาลสืบทอดอำนาจทั้งสิ้น เมื่อมามองถึงบรรยากาศการสร้างความเชื่อมั่นของประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็มีแต่ความมืดมัว เพราะในห้วงเวลานี้รัฐบาลจะต้องเผชิญกับการถูกกล่าวโทษตัวผู้นำสืบทอดอำนาจว่าประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง บวกกับการลงมติผ่านงบประมาณปี 2563 และการจะถูกยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยการรุกคืบของพรรคร่วมฝ่ายค้าน การจะสร้างภาพให้เกิดความเชื่อมั่นของประเทศโดยรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ทางออกเหลือเพียงทางเดียวคือประชาชนร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ผลักดันรัฐบาลสืบทอดอำนาจออกไป แล้วมีรัฐบาลใหม่เข้ามาแทน บรรยากาศความเชื่อมั่นของประเทศก็จะกลับคืนมา การคลี่คลายปัญหาเศรษฐกิจจึงจะเกิดเป็นรูปธรรมขึ้นได้
พล.ท.ภราดรกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข่าวสารปรากฏการทานข้าวระหว่างแกนนำพรรครัฐบาลกับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านบางกลุ่ม จนลือกันว่าจะมีพลังดูดให้ไปอยู่กับปีกรัฐบาล ก็เป็นเพียงเรื่องของคนที่เคยมักคุ้นกัน มาพบปะกันบ้าง อย่าให้การเมืองมาทำให้ต้องเป็นศัตรู เป็นข้าศึกกันเลย คนเป็นผู้แทนราษฎรมีวุฒิภาวะพอ ในทางกลับกันสถานการณ์ขณะนี้ เหล่า ส.ส.ไม่ว่าฝ่ายไหน เขามีแนวโน้มมาทางเดียวกันแล้วว่าที่ไปคุยๆ กันส่วนใหญ่ก็เป็นประเด็นว่าจะช่วยกันผนึกกำลังกันอย่างไรที่จะดันผู้นำสืบทอดอำนาจออกจากตำแหน่ง แล้วไม่ให้มีโอกาสหวนกลับมาอีก ที่มันยากก็เพราะผู้นำสืบทอดอำนาจนั้นไร้ซึ่งสปิริตและวุฒิภาวะ จึงไม่รู้จะอธิบายความกับเขาอย่างไร นอกจากรอยกมือหักดิบในสภา โค่นล้มออกไป ซึ่งจะเกิดขึ้นแน่ๆ ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ขอพี่น้องประชาชนเฝ้าจับตาดูสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิดกันต่อไป
