เปิดคำพิพากษา ศาลตัดสินประหารชีวิต ‘นวัธ’ ส.ส.เพื่อไทย ขอนแก่น ฐานจ้างวานฆ่าอดีต ‘ปลัด อบจ.’

เมื่อวันที่ 24 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีศาล จ.ขอนแก่น ได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดีเลขดำที่ อ.929/61 ระหว่างฝ่ายโจทก์คือพนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น และฝ่ายจำเลยคือนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย ในข้อหาฐานก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด โดยทั้งฝ่ายจำเลย ฝ่ายโจทก์ โดยศาลได้ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาประมาณ 1 ชั่วโมง มีคำพิพากษาประหารชีวิตนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย และให้ชดใช้ค่าปลงศพเป็นเงิน 300,000 บาทนั้น สำหรับคำพิพากษาฉบับเต็มมีรายละเอียดดังนี้

คดีอาญาหมายเลขดำที่ 929/2561 คดีหมายเลขแดงที่ 926/2562 ของศาลจังหวัดขอนแก่นระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นโจทก์ นางลำดวน โคตรทุม โจทก์ร่วม นายนวัธ เตาะเจริญสุข จำเลย คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ จ้าง วาน ยุยงส่งเสริม ดาบตำรวจวีระศักดิ์ ชำนาญพล และ พ.ต.ท.สมจิต แก้วพรม กับพวกให้ฆ่านายสุชาติ โคตรทุม ผู้ตาย ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 ดาบตำรวจวีระศักดิ์ และ พ.ต.ท.สมจิตกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนพกยิงผู้ตายหลายนัด เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84, 299 จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ก่อนวันเกิดเหตุดาบตำรวจวีระศักดิ์และ พ.ต.ท.สมจิต กับพวกร่วมกันวางแผนฆ่า ผู้ตายซึ่งดำรงตำแหน่งปลัด อบจ.ขอนแก่นในขณะนั้น จนกระทั่งวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 เวลา 07.00 น. พ.ต.ท.สมจิตกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าดาบตำรวจวีระศักดิ์และ พ.ต.ท.สมจิตกับพวกมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษจำคุกตาบตำรวจวีระศักดิ์กับพวกตลอตชีวิต และประหารชีวิต พ.ต.ท.สมจิต
คดีนี้ตามพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมรับฟังได้ว่ามูลเหตุในการฆ่าผู้ตายมาจากเรื่องชู้สาวที่ผู้ตายมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภริยาจำเลย ส่วนปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลเห็นว่าในความผิดฐานใช้ จ้าง วาน ยุยง ส่งเสริมให้บุคคลอื่นกระทำความผิดนั้น ผู้ที่จะใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ได้ลงมือเอง ก่อนกระทำความผิดจะต้องมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อตัดตอนให้ตนเองห่างจากผู้ลงมือเพื่อปกปิดการกระทำความผิดไว้เพื่อมิให้บุคคลอื่นซึ่งมีผู้ร่วมกระทำความผิดล่วงรู้ เพราะเกรงภัยจะมาสู่ตนได้โดยง่าย จึงยากที่จะหาประจักษ์พยานที่จะรู้เห็นได้ การจะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดหรือไม่จะต้องพิจารณาจากพยานแวดล้อมพยานบุคคลที่เป็นพยานบอกเล่า วัตถุพยาน

ซึ่งในคดีนี้โจทก์และโจทก์ร่วมมีบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของดาบตำรวจวีระศักดิ์ยืนยันว่า ก่อนวันเกิดเหตุดาบตำรวจวีระศักดิ์ขับรถยนต์พา พ.ต.ท.สมจิตไปพบนายประพันธ์แล้วเดินทางไปพบจำเลย พ.ต.ท.สมจิตและนายประพันธ์เข้าไปในบ้านจำเลยเป็นเวลานาน หลังจากนั้นดาบตำรวจวีระศักดิ์ขับรถพา พ.ต.ท.สมจิตและนายประพันธ์ผ่านหน้าบ้านผู้ตายแล้วขับกลับมาส่งนายประพันธ์ที่หน้าบ้านจำเลย
และในวันเกิดเหตุดาบตำรวจวีระศักดิ์ขับรถยนต์ไปเฝ้าดูความเคลื่อนไหวบริเวณหน้าบ้านผู้ตาย ส่วน พ.ต.ท.สมจิต นายประพันธ์ และนายบุญช่วยอยู่ที่รถยนต์อีกคันหนึ่ง ซุ่มดูเหตุการณ์บริเวณปากซอยทางเข้าบ้าน จนถึงเวลาเกิดเหตุ เมื่อผู้ตายถอยรถยนต์ออกจากบ้าน ดาบดำรวจวีระศักดิ์โทรศัพท์แจ้ง พ.ต.ท.สมจิต นายบุญช่วยขับรถยนต์ขวางหน้ารถผู้ตาย เมื่อผู้ตายลงมาจากรถ พ.ต.ท.สมจิตและนายประพันธ์ลงจากรถยนต์แล้วใช้อาวุธปืนยิงหลายนัดจนผู้ตายถึงแก่ความตายทันทีในที่เกิดเหตุ

Advertisement

รายละเอียดดังกล่าวนั้นอยู่ในความรับรู้ของดาบตำรวจวีระศักดิ์ ยากที่พนักงานสอบสวนจะปั้นแต่งเพื่อเอาผิดจำเลยได้ และเป็นการให้การหลังเกิดเหตุไม่นานดาบตำรวจวีระศักดิ์ย่อมไม่มีเวลาที่จะคิดไตร่ตรองเพื่อปรักปรำหรือช่วยเหลือฝ่ายใด ชี้ให้เห็นว่าดาบตำรวจวีระศักดิ์ให้การด้วยความสมัครใจ คำให้การในชั้นสอบสวนของดาบตำรวจวีระศักดิ์จึงน่าเชื่อถือ

นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า ในช่วงก่อนวันเกิดเหตุ ในวันเกิดเหตุทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สมจิตและจำเลยได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อกันจริง พยานพฤติเหตุแวดล้อมของโจทก์และโจทก์ร่วมสอดคล้องเชื่อมโยงกันรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นผู้ใช้ผู้อื่นฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจริง จึงมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 84 ลงโทษประหารชีวิต และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image