“พิพัฒน์” ดันมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเข้าครม.นัดหน้า ยันทันใช้แน่นอน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของมาตรการ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย และ เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้ภายในสัปดาห์หน้าแน่นอน เพราะแผนดำเนินงานและข้อมูลต่างๆ เตรียมไว้เสร็จเรียบร้อย รวมถึงได้ผ่านการเห็นชอบของสำนักงบประมาณแล้ว จึงมั่นใจว่าจะเสนอครม.ได้ภายในสัปดาห์หน้าแน่นอน เนื่องจากการประชุมครม.ที่ผ่านมา นำมาตรการเสนอในวาระไม่ทันเท่านั้น ไม่ได้ติดปัญหาที่เอกสารหรือส่วนอื่นทั้งสิ้น โดยทั้ง 2 มาตรการดังกล่าว เป็นมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมมาตรการชิม ช้อป ใช้ ที่เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันจันทร์ (23 กันยายน) ที่ผ่านมา ซึ่งจะเร่งรัดให้ออกมาทันใช้ในวันพิเศษของอีก 3 เดือนที่เหลือ ได้แก่ วันที่ 10 เดือน 10, วันที่ 11 เดือน 11, วันที่ 12 เดือน 12 แน่นอน เพราะเชื่อว่าหากช่วงที่เหลือของปี 2562 มีการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศได้ดี เป้าหมายของภาคการท่องเที่ยวทั้งรายได้และจำนวนจะถึงเป้าแน่นอน พร้อมเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 มาตรการจะออกมาทันใช้ 100%

“มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศไทย ที่จะออกมาเพิ่มเติม คาดว่าจะเป็นการใช้กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำแผนดำเนินการให้แล้วเสร็จทั้งหมด ก่อนจะนำเข้าเสนอครม.เศรษฐกิจ เพื่อให้พิจารณา โดยหากผ่านการพิจารณาก็จะเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนให้อีกครั้ง”นายพิพัฒน์กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการเป็นประธานเปิดการประชุมพร้อมมอบนโยบายทิศทางการขับเคลื่อนและการพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งเป็นโครงการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้คณะอนุกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลที่แท้จริง ซึ่งในปี 2563 ทุกหน่วยงานต้องเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน พร้อมทั้งเตรียมที่จะจัดทำปฏิทินการท่องเที่ยวให้ต่อเนื่องทั้งปี ครบทั้ง 77 จังหวัด โดยจะดำเนินงานตลอดทั้งปี ไม่เพียงเฉพาะในช่วงเทศกาลเท่านั้น ส่วนรายละเอียดการดำเนินงานต่างๆ ต้องมีการทบทวนอีกครั้งว่า ในแต่ละจังหวัดและชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศนั้น มีธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมใดที่โดดเด่นบ้าง เพื่อเข้าไปทำการฟื้นฟูสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด และจัดทำเป็นปฏิทิน พร้อมเผยแพร่สู่รุ่นลูกหลาน รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่อไป ขณะเดียวกันก็จะเป็นส่วนช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนเพิ่มเติมด้วย

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กรมการท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัด เดินทางลงพื้นที่ เพื่อสำรวจโฮมสเตย์ต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อให้ชุมชนต่างๆ มีรายได้เสริมจากค่าที่พัก นอกเหนือจากการทำอาชีพหลัก อาทิ เกษตร มากยิ่งขึ้น โดยโครงการดังกล่าว เป็นโครงการนำร่องที่สามารถดำเนินการได้ด้วยงบประมาณของกระทรวงฯเอง แต่จะต้องนำเสนอเข้า ครม.เศรษฐกิจอีกครั้งภายในสิ้นปี 2562 เพื่อรายงานให้ที่ประชุมและนายกรัฐมนตรีได้รับทราบถึงโครงการที่จะดำเนินงานในปี 2563 ซึ่งมั่นใจว่าทุกจังหวัดและทุกชุมชนจะได้รับประโยชน์ เพื่อเน้นให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น และต้องการปรับสัดส่วนของภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ปัจจุบัน มีสัดส่วนคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้รวมจากภาคการท่องเที่ยวทั้งหมด ปรับขึ้นมาเป็น 1.2% หรือครึ่งหนึ่งของทั้งหมด เพื่อเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งในการประหยัดเงินของคนไทย ที่จะออกไปท่องเที่ยวนอกประเทศได้ และเพิ่มรายได้หมุนเวียนในประเทศจากไทยเที่ยวไทยด้วย

Advertisement

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ขณะที่สถานการณ์โทมัสคุก ซึ่งเป็นบริษัททัวร์จากประเทศอังกฤษเผชิญภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ไร้สภาพคล่อง จนต้องปิดตัวลงไป ได้มีการหารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศ (ททท.) พบว่ามีนักท่องเที่ยวตกค้าง จำนวน 2,000 คน โดยนักท่องเที่ยวเหล่านั้น ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวที่มีฐานะ ทำให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่กระทรวงฯก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยประสานงาน เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ เพิ่มเติมแล้ว ในส่วนของสถานการณ์ล่าสุดของมาตรการชิม ช้อป ใช้ พบว่า เปิดให้ลงทะเบียนแล้วได้รับกทรตอบรับที่ดี ยอดผู้ลงทะเบียนครบ 1 ล้านคนต่อวันเร็วมาก จะมีการเพิ่มจำนวนผู้ลงทะเบียนจาก 10 ล้านราย ให้มากกว่านี้ได้หรือไม่ ตรงนี้อยู่นอกเหนืออำนาจของกระทรวงฯ จึงไม้สามารถตอบได้ เพราะเป็นงบประมาณของกระทรวงการคลัง แต่จะมีการหารือกับกระทรวงการคลังและนายกรัฐมนตรีถึงเรื่องดังกล่าว ในครม.เศรษฐกิจอีกครั้ง เนื่องจากมีกระแสตอบรับที่ดี รวมทั้งประชาชนมีความต้องการสูงมาก โดยคาดว่าหากผลการดำเนินมาตรการเป็นไปในทิศทางที่ดี ก่อให้เกิดสภาพคล่อง และมีการหมุนเวียนเม็ดเงินภายในประเทศได้ดี ตามที่รัฐบาลกำหนดไว้หรือมากกว่านั้น รัฐบาลอาจมีการพิจารณาเพิ่มจำนวนผู้ลงทะเบียนเพิ่มเติม ส่วนกระทรวงฯมีหน้าที่เพียงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู่อย่างทั่วถึงเท่านั้น

“ยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กระจุกตัวอยู่เพียงที่ใดที่หนึ่งแน่นอน เพราะสร้างประโยชน์ลงถึงชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก โดยร้านค้าต่างๆ มีความพร้อมในการรองรับประชาชนที่จะมาใช้จ่ายเป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้ จะถึงเป้าที่ 3.3 ล้านล้านบาท และเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 40 ล้านคนได้แน่นอน ทั้งจำนวนรายได้และจำนวน ขณะที่ปัญหาขยะล้นในประเทศ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งรณรงค์เรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งเป็นถือเป็นปัจจัยหลักของประเทศ โดยในปี 2563 จะต้องลดการใช้พลาสติกให้ได้ 50% โดยเชื่อว่ามีผลกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีปิดผับตี 4 ขณะนี้กระทรวงฯกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยได้ดำเนินการนำร่องใช้โมเดลใน 2 จังหวัด คือพัทยา โซนวอทกิ้งสตรีททั้งหมด และพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ในบางส่วน อาทิ ตรอกข้าวสาร โดยจะมีการดำเนินงานในแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการเป็นจำนวนมากจริงๆ และเมื่อนำร่องใช้ครบ 5 จังหวัด จะเดินหน้าใช้ต่อทั่งประเทศ”นายพิพัฒน์กล่าว

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

Advertisement

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image