นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีการเลือกตั้งซ่อมที่จะเกิดขึ้นในเขต 5 จ.นครปฐม เขต 5 จ.สมุทรปราการ และเขต 2 จ.กำแพงเพชร ว่า ไม่มีใครทราบว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าเวลานั้นพี่น้องประชาชนรู้สึกและอยากบอกอะไร ประชาชนทราบในข้อจำกัดของการเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นอย่างดี ผลการเลือกตั้งที่ออกมาต้องถูกนำไปวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าคะแนนนิยมของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญอย่างไร เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผลการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 หนึ่งเสียงของประชาชนในการเลือกตั้งซ่อม จะเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจ เปลี่ยนแปลงดุลการเมืองในสภา
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคร่วมฝ่ายค้านสามารถรักษาที่นั่งที่เขต 5 นครปฐมไว้ได้ และชิงอีก 2 ที่นั่งของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)มาได้ ดุลการเมืองจะเปลี่ยน รวมถึงโอกาสในการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีสามารถทำได้ทันที คำถามว่าระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับรัฐธรรมนูญ สิ่งใดสร้างปัญหาให้กับประเทศมากกว่ากัน ประชาชนกำลังจะให้คำตอบ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ต้องเข้าไปดูการหาเสียงทั้งทางตรงและทางอ้อม ว่าฝ่ายรัฐบาลที่กุมอำนาจรัฐอยู่ได้เปรียบหรือไม่ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆที่ออกมาระหว่างนี้ ถือเป็นการช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครของพรรครัฐบาลหรือไม่ ที่ผ่านมาประชาชนรับรู้ได้อย่างชัดแจ้งว่า นโยบายที่บอกว่าทำทันที นอกจากจะไม่ทำแล้วยังสร้างเงื่อนไขเข้ามาอีก
“ใน 1 ปีนี้ การเลือกตั้งซ่อมที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมีผลต่อการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ บางพรรคอาจมีจำนวนส.ส.เพิ่มขึ้นหรือลดลง เป็นช่องทางที่จะสะท้อนคะแนนนิยมของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ หากดูจากโพลที่ออกมาก่อนหน้านี้ บอกว่า ประชาชนเชื่อมั่นการทำงานของฝ่ายค้านมากกว่า ทุกสนามการเลือกตั้งซ่อม มีผลต่ออายุของรัฐบาลประยุทธ์ โดยตรง ดังนั้น กกต.ต้องบริหารจัดการให้เป็นการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม” นายอนุสรณ์กล่าว
