พณ.เดินสายเปิดฟังวิจารณ์ฟื้นเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวภายหลังการเปิดเวทีระดมความคิดเห็นเรื่องโอกาสและความท้าทายของไทยในการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ว่า จังหวัดชลบุรีเป็นเวทีแรกที่ได้ออกต่างจังหวัดเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน จากนี้จะไปที่เชียงใหม่ สงขลา และขอนแก่น สุดท้ายที่กรุงเทพฯอีกครั้ง โดยได้ย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นว่าไทยต้องเดินหน้าฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู เพราะแม้ปัจจุบันอียูจะมีปัญหาเรื่องที่อังกฤษจะออกจากอียู (เบร็กซิท) แต่อียูก็ยังเป็นตลาดสำคัญ ที่มีถึง 27 ประเทศ หากไม่รวมอังกฤษ และอนาคตอาจจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก

ทั้งนี้ การทำเอฟทีเอกับอียู ยังเป็นการเปิดตลาดให้กับสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป สิ่งทอ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยางและผลิตภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นต้น และยังสร้างโอกาสในการดึงดูดการลงทุนจากอียู และป้องกันไม่ให้การลงทุนไหลไปยังประเทศอื่นที่อียูมีเอฟทีเอด้วย เช่น เวียดนามและสิงคโปร์ รวมถึงอินโดนีเซีย ที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา และมีความคืบหน้าโดยลำดับ

“ถ้าไทยช้า เวียดนามแซงหน้าแน่ ความเป็นศูนย์กลางของไทยจะกระทบ เพราะอียูจะไม่มองไทย จะหันไปยังเวียดนาม แล้วใช้เวียดนามกระโดดไปยังประเทศอื่น แต่ถ้าไทยมีเอฟทีเอ อียูจะยังคงใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง และใช้ไทยกระจายไปยังประเทศอื่นแทน ซึ่งเท่าที่พูดคุยกับทูตอียูที่อยู่ในไทย ทุกคนก็สนับสนุน เห็นไทยเป็นศูนย์กลาง โดยหลังจากนี้ จะเร่งทำข้อสรุปและเสนอให้รัฐบาลตัดสินใจ ถ้าไทยสรุปจะฟื้นการเจรจา อียูเห็นตรงกันฟื้นการเจรจาด้วย ก็จะเริ่มเจรจากันปีหน้า ใช้เวลา 1-2 ปี น่าจะสรุปผลเข้ารัฐสภา เร็วสุดน่าจะ 2 ปี”นางอรมนกล่าว

นางอรมน กล่าวว่า สำหรับตลาดอังกฤษ ปัจจุบันได้มีการสอบถามความคิดเห็นของผู้ประกอบการว่ามีความคิดเห็นยังไงกับตลาดอังกฤษ สนใจอะไรในตลาดอังกฤษ มีปัญหาอุปสรรคอะไร ซึ่งอังกฤษก็ทำ ไทยก็ทำ คาดว่าจะได้ผลสรุปในปลายปีนี้ ซึ่งเมื่อทราบความต้องการแล้ว ก็จะรู้ว่าผู้ประกอบการคิดยังไง และไทยควรจะมีท่าทีต่ออังกฤษยังไง ซึ่งในส่วนของการค้า น่าจะใช้วิธีการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ เพื่อร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และด้านเศรษฐกิจ จากนั้นค่อยยกระดับไปสู่การทำเอฟทีเอ หากในที่สุดแล้วอังกฤษจะออกจากอียู แต่ในการทำเอฟทีเอ ก็ต้องทำการบ้าน ทำการศึกษาผลดี ผลเสียก่อน ซึ่งเบื้องต้น ได้รับแจ้งจากอังกฤษว่าจะเน้นการทำเอฟทีเอกับประเทศที่มีเอฟทีเอกับอียูก่อน เพราะเริ่มต้นได้ง่าย หากไทยมีเอฟทีเอกับอียูแล้ว กับอังกฤษก็ไม่ยาก

Advertisement

นายชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ถ้าไทยไม่ทำเอฟทีเอกับอียู การแข่งขันไม่ดีแน่ เพราะขณะนี้เวียดนามและสิงคโปร์ทำแล้ว ถ้าไม่รีบจะกระทบการส่งออก เช่น กุ้ง อาหารทะเล ผัก ผลไม้ ไทยยังต้องเสียภาษี 20% แต่เวียดนามและสิงคโปร์ไม่ต้องเสีย ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มเดียวกับไทย แม้ปัจจุบันสินค้าประมงไทยจะหลุดจาก IUU เวียดนามยัง แต่เชื่อว่าอนาคตคงแก้ไขได้ ส่วนผัก ผลไม้ แม้จะติดปัญหาเรื่องคุณภาพมาตรฐาน ก็เชื่อว่าจะแก้ได้ และเมื่อแก้ได้หมด ไทยคงแข่งได้ลำบาก

“เวลาในการเจรจา 2 ปี ถือว่าช้า เพราะคู่แข่งจะทำตลาดไปได้ก่อน แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ตลาดอียู ซึ่งเป็นตลาดปีละหลายแสนล้านกระทบแน่ เราต้องรักษาไว้ โดยเอกชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ยิ่งช้า จะยิ่งเจ็บ 2 ปี อียูไปเวียดนาม ไปสิงคโปร์ หรือไปประเทศในอาเซียนที่กำลังเจรจาเอฟทีเอ อย่างอินโดนีเซีย ไทยจะทำยังไง ส่วนเอ็นจีโอ ที่ยังเห็นค้าน หรือกังวล ก็ต้องมาคุยกัน จะแก้กันยังไง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับไทยที่สุด”นายชูศักดิ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image