นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ภาพรวมตลาดหุ้นประจำสัปดาห์นี้ ปัจจัยที่น่าติดตามเป็นประเด็นการเมืองในประเทศเอง ได้แก่ การประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างงบประมาณประจำปี 2563 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ ซึ่งความพิเศษอยู่ที่การประชุมนัดสำคัญนี้ มีการเปิดโหวตเพื่อพิจารณาด้วย ทำให้ถือเป็นการทดสอบเสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำเป็นครั้งแรก ที่คาดว่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับลงทุนได้มาก นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกมาตรการเพื่อปรับให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมากขึ้น
“สำหรับปัจจัยต่างประเทศ เป็นเรื่องความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ในช่วงที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะยืดเยื้อต่อไปจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2563 และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้หารือกันถึงแนวโน้มการเพิ่มขนาดงบดุล โดยการกลับมาใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) หรือ การนำเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ในรูปแบบที่รัฐบาลเข้าไปซื้อสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน และจะให้สถาบันทางการเงิน ปล่อยกู้ให้ภาคเอกชนต่อไปมา ซึ่งคาดว่ามีความจำเป็นในการใช้มาตรการมากขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างการหารือร่วมกัน โดยมีกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุน เนื่องจากคาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวผันผวนต่อไป จึงแนะนำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนก่อน โดยใช้วิธีทยอยสะสมในหุ้นที่น่าสนใจ”นางสาววิลาสินีกล่าว
นางสาววิลาสินีกล่าวว่า ในส่วนของแนวโน้มราคาน้ำมัน มีความกังวลในเรื่องของซัพพลายน้ำมันที่จะหายไป หลังจากเกิดเหตุโดรนโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันของซาอุดิอารเบีย แต่ต่อมาซาอุฯได้เรียกคืนกำลังการผลิตทั้งหมดกลับมาได้ จนเกือบจะเป็น 100% ตามระดับเดิม ทำให้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีแรงหนุนในส่วนของข้อพิพาทระหว่างประเทศผู้ผลิตน้ำมัน โดยราคามันกลับมาอยู่ที่ระดับ 52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และคาดว่าโอกาสที่จะหลุดระดับ 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็นไปได้ยาก แต่หากเกิดขึ้นก็จะส่งผลกระทบกับหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งมีขนาดใหญาและมีน้ำหนักมาในตลาดหุ้นไทย ทำให้อาจจะกดดันให้ดีชนีหุ้นไทยปรับลดลงได้
ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นตัวไหน ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!
