จับยานรกมหึมาค่ากว่า 1.1 พันล้าน เฮโรอีน 105 กก. ยาบ้า 7 ล้านเม็ด

“บิ๊กใหม่” เปิดศักราชงานปราบปราม แถลงผลจับขบวนการยานรก ยาบ้า 7 ล้านเม็ด เฮโรอีน 105 กก. มูลค่าของกลางรวม 1.1 พันล้าน-จ่อออกหมายจับเครือข่ายรถบรรทุกขนไอซ์อีก 4 ราย เป็นนายทุนและมือขน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 ตุลาคม ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์, พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3, พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ในสังกัด ร่วมแถลงการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดหลายคดี รวมผู้ต้องหา 6 ราย ของกลางยาเสพติดหลายรายการ รวมมูลค่ายาเสพติดและทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้กว่า 1.1 พันล้านบาท

พล.ต.อ.สุชาติกล่าวว่า คดีแรกจับกุมนายสิรวุฒิ หรือชัย หาญสกุลหงส์ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีนกว่า 7 ล้านเม็ด, รถยนต์นั่งสามตอน ยี่ห้อมิตซูบิชิ และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยก่อนเกิดเหตุ ชุดจับกุมสืบทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากนายทุนพ่อค้ายาเสพติดผ่านทางพื้นที่ภาคเหนือตอนบน นำมาส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางอยู่เป็นประจำ โดยจะใช้เส้นทางจาก จ.เชียงราย มาถึง จ.นครสวรรค์ ชุดจับกุมจึงดักสกัดจับบริเวณอุโมงค์ลอดทางแยกเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ถนนสายนครสวรรค์-โกรกพระ (3005) ต.ตะเคียนเลื่อน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ขณะขับรถยนต์คันดังกล่าวได้ก่อนตรวจค้นภายในรถพบยาบ้ากว่า 7 ล้านเม็ดซุกซ่อนไว้ จึงแจ้งข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี


พล.ต.ท.ชินภัทรกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ เป็นคดีเก่าที่ได้ขยายผลติดตามมานานมากพอสมควร ซึ่งพฤติการณ์ที่พบจะมีขบวนรถนำและรถตาม รวมถึงเลือกใช้เส้นทางรองเพื่อหลีกหนีด่านมาหลายครั้ง โดยได้รับนโยบายจากรอง ผบ.ตร.เพื่อปรับแนวทางการตั้งด่านสกัดเพิ่มเติม

Advertisement

ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ อ้างว่าทำครั้งแรก ปลายทางคาดว่าจะไปส่งลูกค้าทางภาคใต้ แต่เจ้าหน้าที่กำลังขยายผลการสืบสวน พร้อมติดตามยึดทรัพย์สินเพิ่มเติม

คดีที่ 2 จับกุมนายเกียน ฌอง วี อายุ 38 ปี ชาวไอวอรี่โคสต์ พร้อมโคคาอีนจำนวน 93 ก้อน น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ซุกซ่อนไว้ในช่องท้อง จึงจับกุมแจ้งข้อหา “นำยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, และมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” จึงจับกุมพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 3 จับกุมนางพิไลวรรณ โอโกโร่ อายุ 36 ปี พร้อมยาบ้าประมาณ 2,000 เม็ด ยาอีหรือเอ็กซ์ตาซี่ ประมาณ 28,000 เม็ด จับกุมได้ที่อาคารพีพีเพลส ซ.รังสิต-นครนายก 20 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังชุดจับกุมได้ตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้นทางจากประเทศฝรั่งเศส ภายในมียาอี จำนวน 4,200 เม็ด ก่อนขยายผลจับกุมนางพิไลวรรณ และได้นำตัวไปตรวจค้นยังที่พักอีก 3 แห่ง พบยาบ้า ประมาณ 2,000 เม็ด ยาอี 23,800 เม็ด น้ำหนักประมาณ 12 กิโลกรัม จึงนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 4 จับกุมนายณัฐวุฒิ สังข์เลิศ ได้บริเวณ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมเฮโรอีน จำนวน 278 แท่ง น้ำหนักประมาณ 105 กิโลกรัม เคตามีน ประมาณ 300 กิโลกรัม และรถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน 2กอ 1802 ตรวจยึดได้บริเวณถนนสายด่านขุนทด-ชัยบาดาล ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

คดีที่ 5 จับกุมนายอรรถชัย หรือบอย ภูเด่น พร้อม ไอซ์ 70 กรัม ยาบ้า 20 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง จับกุมได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในซอยเนินพลับหวาน ถนนเลียบทางรถไฟ

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มค้ายาเสพติด “บอยตลาดยาง” ทราบว่าจะลอบจำหน่ายยาเสพติดที่รีสอร์ตดังกล่าวในซอยเนินพลับหวาน ถนนเลียบทางรถไฟ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงเดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนพบนายอรรถชัย มีพฤติกรรมต้องสงสัย เดินอยู่บริเวณลานจอดรถ จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้นตัว ซึ่งนายอรรถชัย ยอมรับว่าเสพยาเสพติดมา และนำตัวไปตรวจค้นที่คอนโดในย่านพัทยาเหนือ พบไอซ์และยาบ้า จึงจับกุมตัวนายอรรถชัย แจ้งข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์และยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมยึดทรัพย์สินเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลยี่ห้อเมอร์ซิเดส-เบนซ์ เลขทะเบียน วฉ 3509 กรุงเทพมหานคร รถยนต์โตโยต้า รุ่นคัมรี่ ทะเบียน ฎข 8 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ ทะเบียน กบ 8907 สระบุรี นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจับกุมนางฝน กมมะวง อายุ 31 ปี ชาวลาว และนายศักดิ์ดา หรือเหลิม สร้อยเสนา อายุ 44 ปี ชาวไทย พร้อมของกลางยาบ้า 1 แสนเม็ด, รถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กข 3139 ร้อยเอ็ด และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ภายหลังนายอรรถชัย ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อวางแผนล่อซื้อดังกล่าว กระทั่งจับกุมได้ริมถนนเลียบคลองชลประทาน (ข้างวัดป่าศรีโพธิ์ทอง) ตำบลธัญญา อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ก่อนเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังสามารถตรวจยึดไอซ์ ประมาณ 600 กรัม ซุกซ่อนในพัสดุต้องสงสัยที่กำลังจะถูกส่งออกไปประเทศอินโดนีเซีย ผ่านบริษัทขนส่งพัสดุระหว่างประเทศ ตรวจสอบพบต้นทางผู้ส่งจากร้านรับฝากบริเวณซอยนานา ถ.สุขุมวิท พร้อมกันนี้ยังมีพัสดุต้องสงสัยอีกชิ้นที่เตรียมถูกนำส่งประเทศฝรั่งเศส พบยาอี 4,000 เม็ด จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้ส่งตรวจสอบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

พล.ต.อ.สุชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีปริมาณผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น แต่ทุกหน่วยงานได้ประสานความร่วมมือกันได้ด้วยดี จนมีผลการจับกุมตามที่เสนอไปหลายครั้ง ไม่ใช่ผลงานของหน่วยใดหน่วยหนึ่ง ขณะที่เครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด ได้ปรับรูปแบบการขนยาเรื่อยมา ซึ่งตำรวจก็ต้องเปลี่ยนวิธีการสกัดกั้นเพื่อรับมือ

ขณะที่ พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวถึงคดีที่มีสองพ่อลูกรับจ้างขับรถบรรทุกขนไอซ์กว่า 467 กิโลกรัม ก่อนเกิดเหตุพลิกคว่ำบริเวณ จ.เพชรบุรี ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมที่สุดเพื่อขอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 4 คน ซึ่งเป็นนายทุน 3 คน 1 คนเป็นผู้ลำเลียง และหากมีความคืบหน้าอย่างไรจะรายงานให้ทราบกันต่อไป ทั้งนี้ ฝากเรียนว่าของกลางยาเสพติดทั้งหมดที่ตำรวจจับกุมได้ จะถูกนำส่งกระทรวงสาธารณสุขไปเก็บรักษาไว้เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

สำหรับน้ำมันกัญชายังจัดเป็นยาเสพติดประเภท 5 ที่ยังผิดกฎหมายอยู่ โดยผู้ซื้อต้องมีแพทย์รับรองสั่งจ่ายให้ หากไปซื้อด้วยตัวเองจะยังเป็นอันตราย หากนำมาใช้คู่กับบุหรี่ไฟฟ้าก็ถือว่าผิดกฎหมาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image