ความคืบหน้ากรณีศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจร ที่ถูก นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ขณะที่นางสาวรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น พยานปากเอกของครูปรีชา ได้ฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ คดีอาญา ข้อหาแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้นัดไต่สวนมูลฟ้อง ไปแล้ว 2 นัด นัดแรกวันที่ 15 ก.ค. และนัดที่ 2 วันที่ 13 ก.ย.2562 ส่วนวันนี้ (15 ต.ค.62) ศาลนัดเป็นนัดที่ 3 นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ต.ค.62 นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายส่วนตัวของครูปรีชา พร้อมทีมทนาย ได้เดินทางมาที่ศาล โดยโจทก์คือ เจ๊บ้าบิ่น ไม่ได้เดินทางมาด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ทราบว่าจะมีการไต่สวนมูลฟ้องพยานฝ่ายโจทก์คือ ครูปรีชา และ นางสาวพัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช แม่ค้าขายลอตเตอรี่ พยานปากสำคัญอีกปากของครูปรีชา แต่ปรากฏว่าทั้ง 2 ไม่ได้เดินทางมาที่ศาลเช่นกัน
และเวลาไล่เลี่ยกันฝ่ายจำเลย คือ ร.ต.ท.จรูญ พร้อมด้วยภรรยาและ นายษิทรา และนายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความ ก็เดินทางมาถึง
ต่อมาเวลา 13.30 น. นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส เปิดเผยว่า ศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องเรียบร้อยแล้ว และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 19 พ.ย. เวลา 09.00 น.
เมื่อถามว่าจะยื่นอุทธรณ์คดีหลักเมื่อไร ทนายวรยุทธ กล่าวว่า ยื่นวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.62) เวลา 15.00-16.00 น. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ศาลได้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์
ต่อมา นายษิทรา ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นคดีสุดท้ายที่อีกฝ่ายฟ้องซึ่งจะไต่สวนครั้งสุดท้ายในปีนี้ คดีที่เหลือมีการยกฟ้อง ถอนฟ้อง และจำหน่ายคดี วันนี้ฝ่ายโจทก์ได้แถลงไว้ว่า จะนำพยานมาสืบ 2 ปาก คือ ปาก น.ส.พัชริดา หรือเจ๊พัช และปาก ครูปรีชา แต่ปรากฏว่าพยานทั้งสองไม่มา และทางทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอจำหน่ายคดีออกไปชั่วคราว โดยอ้างว่าคดีนี้มีมูลเหตุเดียวกันกับคดีหลักซึ่งเป็นคดีอาญาที่ศาลยกฟ้องไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ฝ่ายโจทก์กำลังเขียนอุทธรณ์คดีอยู่
แต่ศาลได้ยกคำร้อง โดยบอกว่าคดีที่เจ๊บ้าบิ่น ฟ้องคุณลุงจรูญ ไม่ได้เกี่ยวกับคดีหลัก ศาลจึงยกคำร้องของทนายความฝ่ายโจทก์ และจะต้องนำพยานที่นัดหมายเอาไว้มาสืบพยาน แต่ฝ่ายโจทก์แจ้งว่า ครูปรีชา ติดราชการ ส่วน เจ๊พัช ติดธุระต้องขายลอตเตอรี่ จึงไม่สามารถเดินทางมาได้ และได้ขอส่งเป็นเอกสารคำเบิกความในคดีเก่าเอามาใช้ในคดีนี้แทน และจะขอให้ฝ่ายเรารับรอง แต่ลุงจรูญไม่สามารถรับรองได้ เพราะลุงจรูญยังไม่ได้ตกเป็นจำเลย
ฉะนั้นถ้าเขาต้องการนำสำเนาเข้าไปในสำนวน ตัวเขาต้องมารับรองสำนวนเอง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครมารับรอง แต่ว่าทนายฝ่ายโจทก์ ได้ยื่นเอกสารให้กับศาลเลย ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ว่าจะมองเอกสารชุดนี้อย่างไร แต่ทั้งนี้ศาลท่านได้นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันที่ 19 พ.ย.62 เวลา 09.00 น.
“สำหรับคดีหลัก ซึ่งพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของการขยายเวลาในการยื่นอุทธรณ์ หากฝ่ายโจทก์ยื่นอุทธรณ์ หลังจากที่ ลุงจรูญ ได้รับหมาย ทางเราก็จะมาเขียนแก้ โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน” ทยายความษิทรา กล่าว
ด้าน หมวดจรูญ กล่าวว่า รู้สึกเป็นปกติเหมือนเดิม และที่จริงคนส่วนใหญ่คงรู้กันหมดแล้วว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจด้วย
ด้าน นายอาคม คงสวัสดิ์ หนึ่งในทนายความ กล่าวว่า หลังจากคดีถึงที่สุดแล้ว เราคงจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ด้วยการเตรียมฟ้องกลับทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา
