ศาลปกครองสูงสุดสั่งคุ้มครองกลุ่มซี.พี.และพันธมิตร’ ปมร้องไม่รับซองโครงการสนามบินอู่ตะเภา

เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ในส่วนที่ปฏิเสธไม่รับข้อเสนอ ซองที่ 2 ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจ และซองข้อเสนอด้านราคา ของกลุ่มกิจการค้าร่วมบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้คณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ รับพิจารณาเอกสารดังกล่าวให้เป็นไปตามขั้นตอนการดำเนินการคัดเลือกต่อไป

โดยศาลให้เหตุผลว่าเมื่อพิจารณาบทบัญญัติของกฎหมายและข้อกำหนดในเอกสารการคัดเลือกเอกชน (RFP) ประกอบข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ในชั้นนี้แล้วเห็นได้ว่าหลักการสำคัญของการดำเนินการเพื่อคัดเลือกหรือให้ได้มาซึ่งคู่สัญญาของรัฐนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประโยชน์สาธารณะหรือประโยชน์ของรัฐและในส่วนที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของผู้เข้าร่วมกระบวนการคัดเลือกคู่สัญญานั้นหลักกฎหมายดังเช่นที่บัญญัติไว้ในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐพ. ศ. 2560ได้กำหนดหลักการให้มีการดำเนินการโดยเปิดเผยโปร่งใสและเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม

การพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการในกรณีนี้และการปรับใช้ข้อกำหนดใดๆจึงต้องยึดถือและให้สอดคล้องกับหลักการเเละหลักกฎหมายดังกล่าวเป็นสำคัญ เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ของการดำเนินการยื่นข้อเสนอในคดีนี้เห็นได้ว่าการดำเนินการต่างๆเกี่ยวกับการยื่นข้อเสนอในคดีนี้เป็นกระบวนการยื่นข้อเสนอในโครงการขนาดใหญ่เป็นที่คาดหมายได้ตรงกันว่ามีเอกสารที่เกี่ยวข้องจํานวนมากการจะกำหนดให้มีการรับเอกสารเมื่อใดโดยวิธีการใดจึงต้องมีกระบวนการที่ชัดเจนและต้องทำหนดเป็นหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกระบวนการตรวจรับเอกสารเช่นว่านั้นให้ผู้ยื่นข้อเสนอได้รับทราบเป็นการล่วงหน้า

แต่จากข้อเท็จจริงและพฤติการณ์เกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องนี้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีกระบวนการรับและตรวจปริมาณของเอกสารอย่างชัดเจนและกลับปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีกระบวนการให้ผู้ยื่นข้อเสนอแสดงตนว่าประสงค์จะเข้าร่วมการยื่นข้อเสนอด้วยการให้ลงทะเบียนก่อนแล้วหลังจากนั้นจึงมีกระบวนการรับและตรวจสอบเอกสารในลำดับถัดไปโดยการเรียกให้ผู้ยื่นข้อเสนอเข้าสู่กระบวนการรับและตรวจสอบเอกสาร ซึ่งการที่ปรากฏข้อเท็จจริงและพฤติการณ์เช่นนี้ไม่ได้ความว่าได้มีการขยายระยะเวลาซึ่งต้องกระทำเป็นลายลักษณ์ตามเอกสารการคัดเลือกเอกชนฯข้อ 31(3)แต่มีความหมายที่แสดงให้เห็นว่ากระบวนการยื่นข้อเสนอในครั้งนี้ไม่ได้ยึดถือการขนหรือลำเลียงเอกสารใดให้ต้องผ่านจุดลงทะเบียนภายในเวลา 15.00 น.เพราะโดยสภาพผู้ยื่นข้อเสนอแต่ละรายจะต้องลำเลียงเอกสารมาเป็นระยะๆในระหว่างนั้น

Advertisement

อีกทั้งการที่ปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นนี้ว่าในการเข้ายื่นเอกสารรายของผู้ฟ้องคดีเจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีได้ทำการตรวจสอบและรับเอกสารจนครบถ้วนเรียบร้อยในวันนั้นแล้วโดยมีการออกเอกสารแบบฟอร์มตรวจสอบการจัดเก็บข้อเสนอโครงการฯให้แก่ผู้ฟ้องคดีว่าได้ลงทะเบียนก่อนเวลา 15.00 น.และไม่ปรากฏว่าได้มีการทักท้วงหรือท้วงติงเกี่ยวกับเอกสารของผู้ฟ้องคดีในวันนั้นแต่อย่างใด

ส่วนการอ้างถึงรายงานของคณะทำงานรับและจัดเก็บเอกสารข้อเสนอก็ไม่ได้ปรากฏว่าเป็นการทำรายงานขึ้นในขณะนั้นกรณีเป็นเพียงการอ้างถึงรายงานดังกล่าวที่ปรากฏขึ้นศาลปกครองสูงสุด 18 ต. ค. 2552) ในภายหลังเช่นเดียวกับการอ้างถึงภาพถ่ายสิ่งที่ใช้อ้างว่ามีการลำเลียงเอกสารกล่องที่ 5 และเอกสารกล่องที่ 4ผ่านจุดลงทะเบียนหน้าห้องรับรองกองบัญชาการทหารเรือในเวลา 15.09 น.นั้นก็เป็นอ้างถึงข้อเท็จจริงที่ได้รับมาในภายหลังวันที่มีการปิดรับซองเอกสารแล้วประกอบกับเมื่อพิจารณาว่าเอกสารกล่องที่ 6เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจซึ่งมีเอกสารฉบับจริงทั้งหมดจำนวน 4 กล่องและเอกสารกล่องที่ 4เป็นซองข้อเสนอซองที่ 3ข้อเสนอด้านราคาซึ่งมีเอกสารจํานวน 1กล่อง ซึ่งเอกสารทั้ง 2ส่วนไม่ใช่เอกสารที่กำหนดให้จะต้องมีการเปิดซองของเอกสาร ณ ขณะนั้นด้วยแต่อย่างใด

ข้อเท็จจริงที่ว่ามีการนำเอกสารกล่องที่ 6และเอกสารกล่องที่ 4ของกลุ่มผู้ฟ้องคดีผ่านจุดลงทะเบียนหน้าห้องรับรองกองบัญชาการกองทัพเรือเมื่อเวลา 15.09 น.จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ผู้ถูกฟ้องคดีจะนำมาใช้พิจารณาว่ามีข้อบกพร่องในการยื่นข้อเสนอที่เป็นสาระสำคัญดังนั้นการที่ผู้ถูกฟ้องคดีพิจารณาใช้ดุลพินิจปฏิเสธไม่รับซองที่ 2ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจกล่องที่ 5และซองที่ 3ข้อเสนอด้านราคากล่องที่ 4 ทั้งฉบับตัวจริงและสำเนา

Advertisement

จึงเป็นกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายซึ่งการปฏิเสธไม่รับเอกสารในส่วนดังกล่าวอันเป็นผลให้ผู้ฟ้องคดีไม่อาจเข้าร่วมกระบวนการคัดเลือกนั้น หาใช่เป็นเพียงการที่ผู้ฟ้องคดีเสียโอกาสดังที่ผู้ถูกฟ้องคดีกล่าวอ้างเท่านั้นหากแต่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของการคุ้มครองสิทธิของบุคคลซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามหลักนิติธรรมโดยหากกระบวนการคัดเลือกในครั้งนี้ได้ดำเนินการต่อไปในขั้นตอนต่างๆโดยศาลไม่ได้พิจารณาถึงการให้ความคุ้มครองสิทธิของผู้ฟ้องคดีแล้วย่อมเห็นได้ว่าจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลังเพราะผู้ฟ้องคดีย่อมไม่สามารถเข้าร่วมในกระบวนการคัดเลือกให้เป็นคู่สัญญาของรัฐอย่างสิ้นเชิงอีก

ทั้งเมื่อได้พิเคราะห์ถึงว่าการดำเนินการก่อสร้างตามโครงการนี้ต้องมีระยะเวลาการดำเนินการตามสมควรหาใช่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในเวลาอันสั้นแต่อย่างใดไม่การให้กระบวนการคัดเลือกคู่สัญญาของรัฐสามารถดำเนินการโดยเปิดเผยโปร่งใสและมีการเปิดโอกาสให้มีการเข้าร่วมแข่งขันที่เป็นธรรมจึงหาได้ถึงขนาดเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะแต่อย่างใดไม่กรณีจึงมีเหตุ อันสมควรที่ศาลปกครองสูงสุดจะให้มีการทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ไม่รับข้อเสนอซองที่ 2ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจกล่องที่ 6กับฉบับสำเนาและซองที่ 3ข้อเสนอด้านราคากล่องที่9 กับฉบับสำเนาของผู้ฟ้องคดีเป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษาโดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีรับพิจารณาเอกสารดังกล่าวของผู้ฟ้องคดีให้เป็นไปตามขั้นตอนการดำเนินการคัดเลือกต่อไป

 

จึงมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีแจ้งตามหนังสือสำนักงานบริหารเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของกองทัพเรือด่วนมากที่กพอ. ทร. 182/ 2562ลงวันที่ 10เม.ย. 2522ในส่วนที่ปฏิเสธไม่รับข้อเสนอซองที่ 2ข้อเสนอด้านเทคนิคและ แผนธุรกิจกล่องที่ 6 กับฉบับสำเนาและซองที่3ข้อเสนอด้านราคากล่องที่ 9 กับฉบับสำเนาของผู้ฟ้องคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ ศาลปกครอง มีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองในคดีหมายเลขดำที่ 757 / 2562 ที่ บริษัทธนโฮลดิ้ง จำกัด ,บริษัท บี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ,บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเม้นต์จำกัด(มหาชน) ,บริษัทช.การช่างจำกัด(มหาชน)และบริษัทโอเรียนท์ซัคเซส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก

โดยคดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้ง5ฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง5ในนาม”กลุ่มกิจการการค้าร่วมบริษัทธน โฮลดิ้งจำกัดและพันธมิตร”ได้ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนกับรัฐในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและการเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งเจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีได้ออกหลักฐานการยื่นซองข้อเสนอให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้ง5แล้วประกอบด้วยเอกสารซองที่ไม่ปิดผนึก โดยข้อเสนอ เอกสารซองที่1เรื่องคุณสมบัติทั่วไป,เอกสารซองที่2ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจ,เอกสารซองที่3ข้อเสนอด้านราคาและเอกสารซองที่ 4ข้อเสนออื่นๆรวม 11 กล่อง เเละกล่องสำเนา

แต่ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีได้มีหนังสือแจ้งผลว่าผู้ถูกฟ้องคดีมีมติไม่รับข้อเสนอในส่วนของซองที่2 ที่เป็นข้อเสนอด้านเทคนิคและเเผนธุรกิจกล่องที่ที่6และ ซองที่3 ข้อเสนอด้านราคากล่องที่9 เนื่องจากเป็นเอกสารที่ยื่นภายหลังทั้งหมดเวลาการยื่นข้อเสนอ

ผู้ฟ้องคดีทั้ง5เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ไม่รับซองข้อเสนอดังกล่าวพร้อมทั้งขอให้มีคำขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาและให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีรับซองข้อเสนอของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าไว้พิจารณาตามขั้นตอนการคัดเลือกผู้ร่วมลงทุนต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image