กรอ.เผยยอดตั้งรง.ลดแต่มูลค่าลงทุนเพิ่ม ส.อ.ท.ชี้ผู้ประกอบการจับตาภาวะศก.เน้นปรับปรุงการผลิตสบช่องบาทแข็งนำเข้าเครื่องจักร ห่วงรายเล็กโคม่าสายป่านสั้น
รายงานข่าวจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) แจ้งว่า ยอดขอใบอนุญาตประกอบกิจการ(ร.ง.4) และขยายกิจการในช่วง 9 เดือนของปี 2562 (มกราคม-กันยายน 2562) มีจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 3,184 โรงงาน ลดลง 16.93% จากช่วงเดียวกับปีก่อนที่มีอยู่ 3,833 โรงงาน ขณะที่มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 42.08% จาก 2.59 แสนล้านบาท มาอยู่ที่ 3.68 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดกิจการใหม่ 2,519 โรงงาน ลดลง 19.11% ขณะที่มูลค่าการลงทุน 2.35 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.9% ส่วนการขยายกิจการมี 665 โรงงาน ลดลง 7.15% ขณะที่มูลค่าการลงทุน 1.32 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.51%
รายงานข่าวระบุว่า การลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย(เอสเคิร์ฟ) ช่วง 9 เดือน มีการขอใบอนุญาตประกอบกิจการ ร.ง.4 และขยายกิจการ รวม 903 โรงงาน ลดลง 15.60% จาก 1,070 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 1.05 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.52 % จาก 9.5 หมื่นล้านบาท มีการจ้างงาน 6.64 หมื่นคน เพิ่มขึ้น 2.94 % จาก 6.45 หมื่นคน โดย 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ที่ลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ หุ่นยนต์และแขนกล และท่องเที่ยวสุขภาพ
รายงานข่าวระบุว่า การลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ช่วง 9 เดือน มีการขอใบอนุญาตประกอบกิจการ ร.ง.4 และขยายกิจการ รวม 402 โรงงาน ลดลง 10.46% มูลค่าลงทุน 8.35 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.63% แบ่งเป็น จ.ชลบุรี 212 โรงงาน มูลค่าลงทุน 4.82 หมื่นล้านบาท จ้างงาน 6.71 พันคน จ.ระยอง 106 โรงงาน มูลค่าลงทุน 2.19 หมื่นล้านบาท จ้างงาน 8.66 พันคน และ จ.ฉะเชิงเทรา 84 โรงงาน มูลค่าลงทุน 1.33 หมื่นล้านบาท จ้างงาน 3.95 พันคน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้การลงทุนใหม่ยังไม่เกิดมากนัก เพราะผู้ประกอบการยังอยู่ระหว่างติดตามปัจจัยเสี่ยงด้านต่างๆ โดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกว่าจะไปในทิศทางใด แต่มีบางกลุ่มใช้จังหวะในช่วงที่เงินบาทแข็งค่านำเข้าเครื่องจักรและปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตเพื่อลดต้นทุน โดยหันมาใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น
“การลงทุนใหม่ๆ ในประเทศสำหรับผู้ประกอบการไทยยังไม่คอยมี เพราะการลงทุนต้องดูภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่วนเรื่องปิดกิจการคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโดยปกติของนักธุรกิจไม่มีใครอยากปิดกิจการ ทุกคนต้องสู้ไปด้วยกัน ขณะนี้เรายังไม่ถึงกับวิกฤตมาก แค่ชะลอตัว รายเล็กจึงโคม่ากว่ารายใหญ่เพราะสายป่านสั้น”นายสุพันธุ์กล่าว
