เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ ไม่ธรรมดา

ถ้าจะเรียกว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ของ เชฟโรเลต แคปติวา รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลางหรือเป็นรถเอสยูวี (SUV) ขนาดกลาง ก็น่าจะได้ เพราะเชฟโรเลตเพิ่งประกาศยกเลิกการผลิตรุ่นแรกไปเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ก่อนจะกลับมาใหม่ดูทันสมัยขึ้นกว่าเดิม

แคปติวา พัฒนาขึ้นโดยศูนย์ออกแบบของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ หรือ จีเอ็ม (GM) ในเมืองอินชอน เกาหลีใต้ (South Korea) เป็นการพัฒนาบนตัวถังรุ่นเธต้า (Theta platform) ใช้ผลิตรถยนต์ในเครือของจีเอ็มมาแล้วหลายรุ่น จีเอ็มใช้ชื่อ แคปติวา จำหน่ายในยุโรป, ตะวันออกกลาง, อาเซียน และอเมริกาใต้ แต่ในออสเตรเลียจะจำหน่ายในนาม โฮลเด้น แคปติวา (Holden Captiva) ส่วนในเกาหลีใต้ใช้ชื่อ แดวู วินด์สตอร์ม (Daewoo Windstorm)

การเปิดตัว เชฟโรเลต แคปติวา ครั้งแรกที่ออสเตรเลีย ต่อด้วยนิวซีแลนด์ (New Zealand) และประเทศไทย (Thailand) และอีกหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อราวต้นปี 2550

การผลิตแคปติวาเพื่อส่งออกตลาดทั่วโลก จีเอ็มได้ใช้ฐานการผลิตหลักของแคปติวาที่ศูนย์จีเอ็มแดวูในเกาหลีใต้ ร่วมกับศูนย์การผลิตรถยนต์จีเอ็ม จังหวัดระยอง

Advertisement

ในประเทศไทยเชฟโรเลต เดิมแคปติวามีจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่น แบ่งเป็น รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เครื่องยนต์ดีเซลแบบขับเคลื่อนล้อหน้า และแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร เครื่องยนต์เบนซินแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เช่นกัน เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทยที่งานมอเตอร์โชว์ พ.ศ. 2550 ราคาจะอยู่ที่ 1,279,000 และ 1,560,000 บาท ตามลำดับ

แคปติวาปรับโฉมหลายครั้ง จนกระทั่งประกาศเลิกผลิตไป

Advertisement

สำหรับรุ่นที่ 2 เปิดตัวครั้งแรกในโลกในชื่อ บาวจุน 530 (Baojun 530) เมื่อปลายปี 2017 ที่ประเทศจีน จากนั้นเข้าไปโชว์ตัวที่อินโดนีเซีย ในชื่อ วูหลิง เอสยูวี (Wuling SUV) เมื่อเดือน สิงหาคม 2018 จากนั้นเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่โคลัมเบีย ในพฤศจิกายน 2018 รุ่นนี้เป็นพัฒนาร่วมกัน และลงทุน ระหว่าง จีเอ็ม, วูหลิง และเซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ มอเตอร์ส รวมกันเป็นเอสจีดับเบิลยูเอ็ม (SGWM หรือ SAIC-General Motors-Wuling Motor) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย ในงานมอเตอร์โชว์ 2019 ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

มาครั้งนี้ แม้รูปร่างหน้าตาจะยังคงมีเค้าลางของรุ่นแรกอยู่บ้าง โดยเฉพาะยังคงจุดเด่นในเรื่องความกว้างขวางแล้ว ยังเพิ่มดีไซน์ให้ดูโฉบเฉี่ยวขึ้นทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงอเนกประสงค์มากขึ้น

แคปติวาใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น LS 5 ที่นั่ง เบาะผ้ายีนส์ Blue Denim/ดำ พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้า ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบช่วยการออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ระบบป้องกันการลื่นไถลและล้อหมุนฟรี (TCS) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เบรกมือไฟฟ้า ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Vehicle Hold) จอแสดงผลคอนโซลกลางแบบระบบสัมผัสขนาด 10.4 นิ้ว ระบบเสียงแบบพรีเมียมพร้อมลำโพง 6 ตัว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ฮาโลเจน พร้อมหน่วงเวลาปิด (Walk Me Home) เสาอากาศครีบฉลาม ระบบปรับอากาศที่นั่งแถว 2 ไฟตัดหมอกหลัง ภายในแบบสัมผัสนุ่มลายยีนส์ Blue Denim ถุงลมนิรภัยด้านหน้า สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า กล้องมองหลังพร้อม ไดนามิก ไกด์ไลน์ (Dynamic Guideline) เซ็นเซอร์ถอยหลัง 4 ตำแหน่ง ไล่ฝ้าหลัง/ปัดน้าฝนหลัง ช่องเชื่อมต่อ USB 2 จุด

รุ่น LT มีอุปกรณ์แตกต่างเพิ่มเติมจากรุ่น LS ได้แก่ 7 ที่นั่งเบาะหนังสังเคราะห์สีดำ ชาร์โคล แบล็ก (Charcoal Black) ถุงลมนิรภัยด้านข้าง สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า ไฟเลี้ยว และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน แบบ LED (LED Daytime Running Lights) ไฟตัดหมอกหน้า วัสดุตกแต่งภายในสีขาว ไวท์ เพิร์ล (White Pearl) กุญแจรีโมต คีย์เลส เอ็นทรี่ (Keyless entry- PEPs) ระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนแรงดันลมยางอัตโนมัติ TPMS ระบบปรับอากาศที่นั่งแถว 3 พร้อมปุ่มปรับความแรงลม ระบบเสียง อินฟินิตี้ บาย ฮาร์มาน (Infinity by HARMAN) พร้อมลำโพง 9 ตัว รวมซับวูฟเฟอร์ (4 speakers, 4 twitters, 1 subwoofer) กระจกมองข้างพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED กระจังหน้าพร้อมกรอบโครเมียม ช่องเชื่อมต่อ USB 4 จุด

และ รุ่น พรีเมียร์ (Premier) เพิ่มเติมจากรุ่น LT ได้แก่ ล้ออัลลอยแบบสปอร์ตทูโทนขนาด 17 นิ้ว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) สั่งการทำงานได้จากสวิตช์บนพวงมาลัย กล้อง 360 องศา หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ แบบไฟฟ้า พร้อมระบบการทำงานแบบวันทัช ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมหน่วงเวลาปิด พวงมาลัยหุ้มหนัง ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร และไฟอ่านแผนที่ พร้อมช่องเก็บแว่นตาแบบ LED เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แผงหน้าปัด DIC มัลติฟังก์ชั่น 7 นิ้วแบบ ฟูล ทีเอฟที เซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหน้า คิ้วขอบหน้าต่างโครเมียม

สำหรับรุ่นเจเนอเรชั่นที่ 2 เครื่องยนต์จะเล็กลง เป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ (DVVT) และระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ แต่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว

เครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว ผ่านมาตรฐานมลพิษไอเสียยูโร 4 ความจุ 1,451 ซีซี กำลัง 143 แรงม้า (105 กิโลวัตต์) ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 2,400 รอบต่อนาที

เกียร์อัตโนมัติแปรผันแบบต่อเนื่อง CVT พร้อมโหมด ชิฟท์ คอนโทรล (Shift Control) + – 8 สปีด เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า

ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่ในเมืองและขณะจอดรถ (EPS) เบรกมือไฟฟ้า (EPB) ความจุถังน้ำมัน 52 ลิตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E10

มิติตัวถังภายนอก ยาว 4,655 มม. (พร้อมกันชนหน้า) กว้าง 1,835 มม. (พร้อมกระจกมองข้างที่ขยายจนสุด) สูง 1,760 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 175 มม.

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นแบบอิสระ มัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ยางหน้าและหลัง 215/60 R17

ราคาจำหน่ายรถอเนกประสงค์เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ รุ่น LS 999,000 บาท รุ่น LT 1,099,000 บาท และพรีเมียร์ 1,199,000 บาท

ถือว่าเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ แม้ว่าเครื่องจะเล็กลง แต่ราคาก็เล็กตามไปด้วย แต่สมรรถนะการขับขี่กลับไม่เล็กตาม เพราะแม้ว่ารูปร่างจะใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงกับอุ้ยอ้าย แถมความเงียบในห้องโดยสารทำได้ดี มีความนุ่มนวลไม่แพ้รถหรู อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็มาแบบครบครัน เอาเป็นว่างานนี้ตลาดรถอเนกประสงค์สะเทือนแน่นอน

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image