นักธุรกิจร้อง ปธ.ศาลปกครองสูงสุดคุ้มครองชั่วคราวหลังเเพ้คดีฟ้องกรมที่ดินชี้ไม่สามารถปฏิบัติได้จริงส่งผลเสียหาย

หนุ่มใหญ่นักธุรกิจที่ดินร้อง ปธ.ศาลปกครองสูงสุด ขอคุ้มครองชั่วคราวในชั้นศาลปกครองสูงสุดหลังเเพ้คดีฟ้องกรมที่ดินเรื่องการโอนที่ดินในศาลปกครองกลาง ชี้ ขั้นตอนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางไม่สามารถปฏิบัติได้จริงส่งผลเสียหาย ภาระหนี้สินจะโดนยึดรถยึดบ้านโอนที่ขายไม่ได้

เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ศาลปกครอง ถนนเเจ้งวัฒนะนายปิยะชาติ ศิริปะชะนะผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดรักษ์ธุรกิจที่ดินเข้ายื่นหนังสือร้องขอควาทเป็นธรรมถึงนายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด โดยเนื้อหาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมสรุปเนื้อหาเรื่องขอเร่งรัดพิจารณาคำร้องขอกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองฯ (ครั้งที่ 4) ในคดีหมายเลขดำศาลปกครองสูงสุดที่อ. 325-326/2562 ด้วยคดีนี้ผู้ฟ้องได้ยื่นคำร้องขอให้องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเพื่อกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองพ. ศ. 2542 ส่วนความรับผิดละเมิดในคดีหมายเลขดำที่อ. 326 ที่ผู้ฟ้องคดียื่นอุทธรณ์ไปด้วยนั้นก็ให้เข้าสู่กระบวนพิจารณาตามขั้นตอนปกติโดยผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำร้องขอเร่งรัดการพิจารณาไปแล้ว 3 ครั้งขณะนี้ก็ยังไม่มีคำสั่งลงมาแต่อย่างใดผู้ฟ้องคดีขอกราบเรียนให้ประธานศาลปกครองสูงสุดทราบว่าองค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดสามารถตรวจสอบข้อกฎหมายได้ว่ามีกฎหมายใดมาตราใดที่มีการบัญญัติว่า“ ต้องไปยื่นขออนุญาตจัดสรรที่ดินก่อนจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ได้” หรือ“ หากจะโอนขายที่ดินมากกว่าสิบแปลงจะต้องไปยื่นขออนุญาตจัดสรรที่ดินก่อน” ซึ่งหากมีกฎหมายใดที่บัญญัติดังกล่าวไว้ผู้ฟ้องคดีพร้อมน้อมรับคำพิพากษาแต่โดยดีแต่ถ้าไม่มีกฎหมายใดๆบัญญัติไว้ตามนี้ศาลปกครองควรต้องแก้ไขให้ผู้ฟ้องคดีอย่างเร่งด่วนทั้งนี้ตุลาการศาลปกครองสูงสุดผู้เป็นเจ้าของสำนวนคดีมีอำนาจสั่งโดยอาจไม่จำเป็นต้องไต่สวนก็ได้ผู้ฟ้องคดีจึงขอกราบเรียนมายังประธานศาลปกครองสูงสุดได้โปรดมีบัญชาเร่งรัดการพิจารณาคำร้องของผู้ฟ้องคดีให้มีผลลงมาเร็วที่สุดจะเป็นพระคุณอย่างสูงและประชาชนที่รอความเป็นธรรมในครั้งนี้รวมทั้งจะเป็นการรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของการพิจารณาคดีของศาลปกครองให้กลับมาด้วยความน่าเชื่อถือเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนต่อไปทั้งนี้ผู้ฟ้องคดีเคยส่งหนังสือขอเร่งรัดการพิจารณาคำร้องมาแล้ว 3 ครั้งเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 วันที่ 18 กันยายน 2552 และวันที่ 24 กันยายน 2562 ครั้งนี้เป็นการขอเร่งรัดครั้งที่ 4 จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

โดยภายหลังยื่นหนังสือผู้อำนวยการสำนักประธานศาลปกครองสูงสุดได้ชี้เเจงทำความเข้าใจขั้นตอนกระบวนการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครองสูงสุด พร้อมนำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าวนำเรียนประธานศาลปกครองสูงสุดพิจารณาต่อไป

นายปิยะชาติกล่าวภายหลังยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมว่า ตนเองได้นัดแนะลูกค้าเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ลูกค้ามาทำสัญญาซื้อขายกันโดยจะต้องมาทำนิติกรรมโอนที่ดินกันที่สำนักงานที่ดินบางเขนแต่ถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่โดยอ้างว่ากรมที่ดินมีหนังสือสั่งการมาว่าต้องไปยื่นขออนุญาติจัดสรรที่ดินก่อนจึงจะจดทะเบียนโอนให้ได้เหตุที่เกิดสร้างความเสียหายต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบันซึ่งตนเองเห็นว่าไม่เคยมีกฎหมายแบบนี้มาก่อนจึงนำเรื่องเข้าฟ้องศาลปกครองกลาง

Advertisement

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2542 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาโดยสรุปว่าการกระทำของกรมที่ดิน“ ชอบด้วยกฎหมายแล้วพิพากษายกฟ้อง “ซึ่งสร้างความงุนงงแก่จนเองและกับประชาชนที่เป็นลูกค้าตลอดจนนักกฎหมายทั่วไปว่าก่อนจะมาจดทะเบียนโอนขายที่ดินกันนั้นจะต้องไปยื่นขออนุญาตจัดสรรก่อนตนเองจึงทำหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีศาลปกครองกลางต่อประธานศาลปกครองสูงสุดจำนวนหลายฉบับเพื่อขอให้ศาลปกครองกลางให้เหตุผลเรื่องการพิพากษาโดยไม่มีกฎหมายในขณะเดียวกันที่ยื่นอุทธรณ์คัดค้านตามกระบวนการของศาลด้วย

นายปิยะชาติเปิดเผยต่อไปว่ากรณีนี้สร้างความเสียหายให้แก่ตนเองอย่างยิ่งเพราะทำให้ถูกระงับสิทธิ์ในการขายที่ดินผลตามมาคือที่ดินไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ขายได้ภาระหนี้สินต่างๆเพิ่มพูนขึ้นโดยไม่ได้ปลดเปลื้องรถยนต์บ้านกำลังถูกยึดจะปฏิบัติตามคำพิพากษาก็ทำไม่ได้ตนจึงมาร้องขอเพื่อสื่อไปยังประธานศาลปกครองสูงสุดให้ช่วยหยิบยกประเด็นนี้มาพิจารณาโดยด่วนที่สุดเพราะความเสียหายเกิดขึ้นทุกวันหากไม่เป็นจริงตามที่ตนกล่าวอ้างตนเองก็พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image