ปตท.สผ.กำไรสุทธิ 9 เดือน 3.7 หมื่นล้านบ. ปริมาณการขายเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนความสำเร็จจากการเข้าซื้อกิจการ
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนของปี 2562 ปตท.สผ. มีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 4,572 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่า 143,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จาก 3,960 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่า 127,434 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยมีปัจจัยสำคัญจากปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 335,696 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 12% เป็นผลจากการเข้าซื้อสัด
ส่วนการถือหุ้นเพิ่มเติมในแหล่งบงกชซึ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อกลางปี 2561 และการเข้าซื้อกิจการของบริษัท เมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 46.83 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 46.25 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในช่วงเดียวกัน ขณะที่ต้นทุนต่อหน่วยลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 30.86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 31.28 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่า
น้ำมันดิบ
“จากปัจจัยบวกต่างๆ ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2562 ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิ 1,185 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่า 37,182 ล้านบาท สูงขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน”นายพงศธรกล่าว
นายพงศธร กล่าวว่า คาดการณ์หลังการซื้อกิจการของบริษัท พาร์เท็กซ์ โฮลดิ้ง ซึ่งมีการลงทุนหลักอยู่ในตะวันออกกลางเสร็จสิ้น จะส่งผลให้ปริมาณการขายเพิ่มสูงขึ้นอีก นอกจากนี้ การเร่งพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในระยะสำรวจในประเทศมาเลเซีย อาทิ แปลงเอสเค 410 บี จะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมและปริมาณการผลิตให้กับบริษัทในอนาคตอีกด้วย โดยแหล่งดังกล่าวปตท.สผ.ค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ จากการเจาะหลุมสำรวจแรก ลัง เลอบาห์-1อาร์ดีอาร์ 2 ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ขณะนี้ อยู่ระหว่างการวางแผนเจาะหลุมประเมินผล เพื่อประเมินศักยภาพปิโตรเลียมเพิ่มเติม ดำเนินการควบคู่ไปกับการศึกษาแผนพัฒนา นอกจากนี้ ในปี 2563-2564 ปตท.สผ. มีแผนจะเร่งการเจาะสำรวจในโครงการอื่น ๆ ในประเทศมาเลเซียอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อประเมินศักยภาพภาพรวม และกำหนดแผนกลยุทธ์การพัฒนาเหมาะสมต่อไป
