เริ่มวันนี้ ตรวจเข้มนิติบุคคลตั้งใหม่ สกัดปัญหาธุรกิจล่องหน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป กรมจะเริ่มดำเนินการตามประกาศแจ้งเตือนผู้ประกอบการ หากเจตนาระบุข้อมูลที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง อาจเข้าข่ายเป็นการแจ้งความอันเป็นเท็จต่อทางราชการ โดยผู้ขอยื่นจดทะเบียนธุรกิจจะต้องระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) ในแบบ สสช.1 และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ชัดเจนและถูกต้องตามความเป็นจริง หากตรวจพบภายหลังว่าข้อมูลที่แจ้งไม่ตรงกับความจริงจะต้องถูกดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อการสร้างฐานข้อมูลนิติบุคคลของประเทศให้มีความน่าเชื่อถือ และใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า จากกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจได้จดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด แต่ไม่ได้ระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ถูกต้องและตรงกับความเป็นจริง ส่งผลต่อหน่วยงานราชการอื่นที่เชื่อมโยงข้อมูลกับกรมฯ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการให้บริการประชาชนตามมาตรการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน โดยการไม่เรียกสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้ตามนโยบายรัฐบาล และบางกรณีอาจทำให้เกิดปัญหาหรือข้อพิพาทระหว่างธุรกิจขึ้นภายหลัง อีกทั้ง ปัจจุบันโลกกำลังเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ การบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน และเชื่อถือได้ เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคธุรกิจรวมถึง หน่วยงานภาครัฐสามารถนำข้อมูลไปใช้บริการประชาชนและธุรกิจได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว อันจะนำไปสู่การบริหารจัดการข้อมูลภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ และเดินหน้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจากนี้ กรมฯ จะกำกับการจดทะเบียนให้มีความถูกต้องควบคู่กับการอำนวยความสะดวก โดยจะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้น

“ในประกาศกรมเรื่องการระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ตรงกับข้อมูลที่แท้จริง ในการยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด พ.ศ.2562 มีสาระสำคัญ คือ ให้ผู้ขอยื่นจดทะเบียนธุรกิจต้องระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) ในแบบ สสช.1 และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริงที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจ โดยกรมฯ จะติดตาม ตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของข้อมูลการจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) ที่ผู้ขอจดทะเบียนธุรกิจได้ระบุในแบบ สสช.1 และสถานที่ตั้งสำนักงานที่ได้แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หากพบว่ามีเจตนาที่จะระบุข้อมูลไม่ตรงต่อความเป็นจริง อาจเข้าข่ายเป็นการแจ้งความ อันเป็นเท็จต่อทางราชการได้ หลังจากนี้ หากมีการดำเนินการที่เข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืนอันเป็นความเท็จ เบื้องต้น อาจดำเนินการเปรียบเทียบปรับ และหากยังเพิกเฉยมิได้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องอาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อไป” นายพูนพงษ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image