เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (อ.พช.) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า หลังจากส่งผู้ตรวจเขตไปตรวจสอบปัญหาการตั้งเต็นท์สีชมพู 70 บูธ ความยาว 80 เมตร บนถนนเลียบชายหาดในช่วงเย็นวันศุกร์และวันเสาร์ ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ แต่โดนร้องเรียนเนื่องจากผู้ประกอบการไม่ได้วางเต็นท์ในเวลาที่กำหนด ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการใช้เส้นทางในแหล่งท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าตลาดดังกล่าวเป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาลประเภทใดหรือดำเนินการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ ผู้ตรวจจะรายงานผลให้ทราบในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ ส่วนกรณีที่ตลาดยังไม่สามารถเปิดได้ เป็นเรื่องการบริหารจัดการของหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่และผู้บริหารระดับจังหวัด
นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาได้มอบหมายให้นายภิรมย์ นิลทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดที่กำกับดูแลพัฒนาการจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการประสานกับผู้เกี่ยวข้องทั้งจังหวัดและอำเภอเพื่อจัดทำตลาดให้ถูกต้อง และล่าสุดมีการทักท้วงว่า หากมีการตั้งตลาดที่เป็นโครงการของทางราชการในจุดเดิมอาจมีปัญหา ทั้งด้านการสัญจรของประชาชนและผลกระทบกับย่านธุรกิจร้านค้าบนถนนเลียบชายหาดจากสะพานสราญวิถีฝั่งทิศใต้ เนื่องจากที่ผ่านมาถนนเลียบชายหาดมีการใช้งบประมาณ 9.6 ล้านบาท จากงบพัฒนาจังหวัด ปรับปรุงผิวการจราจรเพื่อทำไบค์เลนหรือเลนจักรยานยาว 2.9 กิโลเมตร จากหน้ากองบิน 5 ถึงสะพานคลองบางนามรม เพื่อให้ประชาชนขี่จักรยานเลียบชายหาด หากมีการตั้งตลาดจะมีปัญหาหรือไม่ ผู้เกี่ยวข้องต้องนำไปพิจารณาให้รอบคอบ
พ.ต.ท.เจษฎา กฤตานุสาร สารวัตรจราจร สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เต็นท์สีชมพูอยู่นอกเขตพื้นที่ที่เทศบาลยื่นขออนุญาตใช้ถนนสาธารณะตาม พ.ร.บ.จราจร ไม่เกี่ยวข้องกับตลาดคนเดินที่เทศบาลเป็นผู้บริหาร และมีปัญหาในข้อกฎหมาย ที่ผ่านมาได้แจ้งให้เจ้าของเต็นท์เช่ายุติการใช้ผิวการจราจรตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2562 จนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเสนอโครงการที่เกี่ยวข้องเพื่อขออนุญาตตั้งเต็นท์บนถนนให้ถูกต้อง
แหล่งข่าวสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ภูมิภาคที่ 12 ระบุว่า จะตรวจสอบกรณีการชี้แจงของนางยุพิน เศรษฐศักดาศิริ พัฒนาการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า ได้กำหนดให้เต็นท์สีชมพูเป็นตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้ โดยอ้างว่าแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารตลาดและร่วมกับทางเทศบาล เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนที่ไม่มีสถานที่จำหน่ายสินค้า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการ 70 บูธ การขอใช้พื้นที่สำนักงาน พช.ขอใช้พื้นที่กับเทศบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องจากตลาดถนนคนเดิน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารตลาดประชารัฐโดยมีรายได้จากการเช่าเต็นท์จัดเก็บตามข้อตกลงของตลาดบูธละ 160 บาท นำส่งเทศบาล 90 บาท อีก 70 บาท คณะกรรมการบริหารตลาดจ่ายเป็นค่าบริหารจัดการเต็นท์ ล่าสุดพบว่ามีข้อพิรุธหลังจากไม่สามารถเปิดตลาดได้ตามปกติ ขณะที่ก่อนหน้านี้ สตง.ที่ 12 แจ้งให้กองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองแจงข้อเท็จจริงในการจัดเก็บรายได้จากตลาดประชารัฐเต็นท์สีชมพู ที่อยู่นอกเขตที่เทศบาลรับผิดชอบ แต่เทศบาลทำหนังสือขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรให้ตั้งเต็นท์สีชมพูเพื่อขายสินค้าหลากหลายประเภท
