วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบสลับบวก โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,623.99 จุด ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,623.88 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,640.88 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 16.89 จุด หรือ 1.04% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,641.38 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,620.12 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 59,054.45 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 3,357.45 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 589.13 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 281.47 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ 3,665.11 ล้านบาท
โดยนายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้จัดการสายงานวิจัย บล. เอเชียพลัส เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ปิดบวกตามตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังจากสื่อ Bloomberg ได้ออกมารายงานว่า จีนเตรียมระงับการขึ้นภาษีสินค้าบางรายการกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบรรยากาศในเชิงบวก จึงคาดว่ามีโอกาสที่จะลงนามข้อตกลงได้ในเร็วๆ นี้ ทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นแรงหนุนให้กับหุ้นในกลุ่มที่อิงการเติบโตจากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นตาม โดยตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 60 จุด โดยสถาบันในประเทศซื้อสุทธิแล้วกว่า 18,000 ล้านบาท
“ประเด็นที่ติดตามคือดัชนี MSCI ได้เตรียมปรับเพิ่มน้ำหนัก 5% ของดัชนีหุ้นจีน ไชน่าเอแชร์ ลงในดัชนี MSCI Emerging Market ในวันพรุ่งนี้ (8 พฤศจิกายน) และจะมีผลในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะมีหุ้นที่ถูกปรับเพิ่มน้ำหนักและลดน้ำหนักเข้าออก ทำให้อาจจะมีผลต่อเงินทุนไหลเข้าหุ้นไทย นอกจากนี้ การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ได้ออกมาปรับลดดอกเบี้ยและออก 4 มาตรการเพื่อช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนลง อาจทำให้เงินลงทุนชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเช่นกัน โดยแนะนำกลยุทธ์ในการลงทุนคือ เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีปันผลสูงๆ ไว้ก่อน พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวดัชนีในวันพรุ่งนี้ที่ระดับ 1,620-1,660 จุด”นายภราดรกล่าว
