กก.ปฏิรูปพลังงานชงปิโตรฯเฟส4 ด้านก.อุตฯตอบเอ็กซอนถมทะเลต้นปี63

กก.ปฏิรูปพลังงานชงปิโตรฯเฟส4 รับอนาคตก๊าซฯอ่าวไทยหมด-บูมลงทุนอีอีซีขั้นต่ำ3แสนล้าน -ก.อุตฯตอบเอ็กซอนถมทะเลต้นปี63

นายพรชัย รุจิประภา ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน กล่าวถึงการขับเคลื่อนนโยบายพลังงานของประเทศ ว่า คณะกรรมการฯได้หารืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงพลังงานเพื่อให้นโยบายพลังงานเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ที่มีเป้าหมายให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง หนึ่งในแผนงานสำคัญคือ การพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเฟส 4 ที่คณะกรรมการปฏิรูปได้นำเสนอเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) เบื้องต้นรับทราบว่าทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)อยู่ระหว่างการว่าจ้างสถาบันปิโตรเลียมศึกษาจัดทำแผนแม่บท การพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเฟส 4 คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2563

“คณะกรรมการปฏิรูปฯได้หารือกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำเสนอแนวทางการปฏิรูปแล้ว นายสนธิรัตน์เห็นสอดรับกับข้อเสนอ เพราะหลายเรื่องที่เสนอเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างประเทศให้คงฐานการผลิตเดิมและเพิ่มฐานการผลิตใหม่เพื่อดูแลเศรษฐกิจระดับฐานราก และปิโตรเคมีเฟส 4 ถือเป็นหัวใจของอีอีซี คาดว่าจะก่อให้เกิดการลงทุนระดับกว่า 3 แสนล้านบาทขั้นต่ำในอนาคต”นายพรชัยกล่าว

นายพรชัยกล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมปิโตรเคมีถือเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ของไทยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อีอีซีอยู่แล้วและมีโรงกลั่นที่มีศักยภาพ พร้อมจะยกระดับไปสู่ปิโตรเคมีเฟส 4 ทั้งต้องยอมรับว่าในอนาคตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่มีคุณสมบัติเป็นก๊าซเปียกนำมาผลิตปิโตรเคมีได้จะทยอยหมดลงไปและแทนที่ด้วยการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี)ไม่มีคุณสมบัติในการผลิตปิโตรเคมี ไทยจึงจำเป็นต้องมองการพัฒนาปิโตรเคมีที่มีพื้นฐานจากแนฟทาที่มาจากกระบวนการกลั่นน้ำมันมากขึ้น หากไทยมีแผนชัดเจนจะทำให้เกิดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และยังเป็นการรักษาฐานปิโตรเคมีของไทยให้เป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้

Advertisement

“การเกิดโรงกลั่นใหม่ๆในภูมิภาคนี้ไม่ง่ายเพราะลงทุนสูงมาก แต่ไทยมีโรงกลั่นที่พร้อมอยู่แล้ว หากมีแผนพัฒนาชัดเจน เอกชนจะสามารถออกแบบขยายการผลิตและลงทุนได้ทันที เป็นการรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายในอีอีซี ส่วนตัวมองว่าเอกชนในไทยเองพร้อมลงทุนทั้งกลุ่มปตท. กลุ่มเอสโซ่”นายพรชัยกล่าว

นายพรชัยกล่าวว่า สำหรับการปรับโครงสร้างด้านพลังงานกรณีข้อเสนอให้รวม 3 การไฟฟ้า(การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) นั้น คงเป็นไปไม่ได้แต่แก้ไขด้วยการตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อลดความซ้ำซ้อนของแผนการลงทุนและการดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแทน และได้มีการบูรณาการในการทำงานร่วมกับทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)

แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)ได้มอบให้สถาบันปิโตรเลียมศึกษาแผนถมทะเลนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังเพื่อรองรับการขยายการลงทุนของกลุ่มเอ็กซอนโมบิล ซึ่งต้องการพื้นที่มากกว่า 1,000ไร่ เบื้องต้นอาจสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้ว่าจะถมได้หรือไม่ แต่ภาพรวมการศึกษาจะแล้วเสร็จต้นปี 2563 โดยขณะนี้ทางเอ็กซอนฯได้ขอให้ไทยชัดเจนในเรื่องดังกล่าวภายในไตรมาส 1 ปีหน้าหากไฟเขียวก็พร้อมที่จะเดินหน้าขยายลงทุนโรงกลั่นและปิโตรเคมีในไทย 3.3 แสนล้านบาทและเดินหน้าผลิตในปี 2570

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image