‘เอเอเอส ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน’ เปิดบ้านจัด ‘แบ็ก อิน ไทม์’

เอเอเอส ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ออฟ แบงคอก (AAS Harley-Davidson of Bangkok) โดย บริษัท แบงค็อก ไรเดอร์ จำกัด จัดงาน เอเอเอส ฮาร์ลีย์ เอ็กซ์โป (AAS Harley Expo) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2562 ณ ศูนย์ เอเอเอส ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ออฟ แบงคอก ถนนวิภาวดี

นายอนุวัชร อินทรภูวศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ เอเอเอส ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน กรุ๊ป เปิดเผยว่า การจัดงานครั้งนี้มาในคอนเซ็ปต์ แบ็ก อิน ไทม์ (Back in Time) ให้ลูกค้าดื่มด่ำกับบรรยากาศย้อนยุคสุดคลาสสิก เพื่อระลึกและเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่บนเส้นทางประวัติศาสตร์อันยาวนานของเจ้าแห่งการขับขี่ทางไกลตัวจริงอย่างรถฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ตระกูล ทัวริ่ง (Touring) ก่อน โมเดล เยียร์ 2020 จะถูกประกอบขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอย่างครบครัน ทั้งรุ่น Electra Glide, Road King, Road Glide, Street Glide และ Ultra Limited รถใหม่ปี 2020 ทุกรุ่น พร้อมให้จอง ทั้งสาขากรุงเทพฯ วิภาวดี และพัทยา โดยไม่ต้องรอถึงงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ เพราะทางศูนย์ฯการันตีแคมเปญเดียวกับในงานให้ผู้ซื้อรถตั้งแต่วันนี้ หากแคมเปญดังกล่าวประกาศมาภายหลังแล้วมีส่วนเพิ่มเติม เอเอเอส ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ยินดีทบให้เท่ากันทันที นอกจากนี้ ในงานยังมี วินเทจ ไบเกอร์ มาร์เก็ต นำสินค้าเสื้อผ้า ของแต่งรถ ของเล่น ของสะสมสไตล์วินเทจจากร้านสุดแนวมาให้เลือกซื้อกันอย่างเพลิดเพลินอีกด้วย

นายอนุวัชรกล่าวว่า สำหรับโปรโมชั่นรถปี 2019 เอเอเอส ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มอบข้อเสนอ เริ่มต้นดาวน์ 19,999 บาท ดอกเบี้ยพิเศษ 2.99% สำหรับตระกูลซอฟเทล (Softail) ส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท ในรุ่นสตรีท บ็อบ (Street Bob) เฉพาะสาขาวิภาวดี และส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท ในรุ่น FXDR ส่วนแผนกเสื้อผ้าและของที่ระลึกก็จัดโปรโมชั่น เอ็นด์ ออฟ เยียร์ เซล ส่งท้ายปีส่วนลดสูงสุดถึง 70%

Advertisement

“ล่าสุด เอเอเอส ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน กรุ๊ป ได้เตรียมเปิดเพิ่มสาขาพระราม 4  เข้ามาเป็นอีกหนึ่งสาขาใหม่ของเอเอเอส ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน กรุ๊ป โดยจะนำมิติประสบการณ์ใหม่ๆ สไตล์เอเอเอสมาสู่บ้านหลังใหม่นี้อย่างไม่เคยมีมาก่อน จะทำให้เอเอเอส ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน กรุ๊ป มีทั้งหมด 4 โชว์รูม ได้แก่ พัทยา พารากอน วิภาวดีและ พระราม 4” นายอนุวัชรกล่าว

นายอนุวัชรกล่าวว่า สำหรับศูนย์วิภาวดีใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท มี 8 ช่องซ่อม สามารถขยายได้อีกหลายช่องซ่อม เน้นการดูแลลูกค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ไม่ใช่แค่ขายรถเหมือนดีลเลอร์ทั่วไป มีการลงทุนด้านบริการจำนวนมาก เช่น นำเข้าเครื่องมือที่ทันสมัยจากอังกฤษ มีช่างระดับมาสเตอร์คอยบริการ เพราะเชื่อว่าลูกค้าฮาร์ลีย์มีความหลากหลาย จึงต้องให้บริการครอบคลุมได้ทั้งหมด ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ รวมทั้งคนรุ่นใหม่ที่สนใจฮาร์ลีย์ จึงต้องหากิจกรรมที่มีรูปแบบผสมผสานได้ระหว่างวัย แต่ชื่นชอบฮาร์ลีย์เหมือนกัน จึงพยายามฝึกอบรมพนักงานให้เป็นมากกว่าคนขาย ต้องมีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง

นายอนุวัชรกล่าวว่า ปัจจุบันฮาร์ลีย์มีรถจักรยานยนต์ให้เลือกกว่า 20 รุ่น ราคาตั้งแต่ 4 แสนไปจนถึงกว่า 4 ล้านบาท เป็นรถจักรยานยนต์ที่แสดงความเป็นตัวตน และความเป็นตัวของตัวเองของเจ้าของมากที่สุด เป็นแบรนด์มาจากสหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงมานานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ละรุ่นมีบุคลิกเฉพาะ เป็นจักรยานยนต์ขี่สนุก มีกลุ่มเพื่อนหนาแน่นมากที่สุด และลูกค้าฮาร์ลีย์ไม่เลือกสีไม่เลือกข้าง ไม่เลือกฝ่ายการเมือง ถ้าเป็นแฟนฮาร์ลีย์ก็จะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน

Advertisement

ล่าสุดเมื่อปี 2018 ได้รับรางวัลชนะเลิศดีลเลอร์ดีเด่นแห่งเอเชีย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เคยมีใครในเมืองไทยทำได้ ปีนี้ก็เข้าประกวดอีกและมีโอกาสได้รางวัลอีกเช่นกัน หลังจากเริ่มเปิดศูนย์แรกที่พัทยาปี 2016 ต่อมาปี 2017 เปิดศูนย์วิภาวดี จนกระทั่งปีที่แล้วปี 2018 มียอดขายประมาณ 500 คัน คาดว่าปีนี้ยอดขายน่าจะถึง 1 พันคัน หลังจากฮาร์ลีย์เปิดโรงงานประกอบในประเทศไทยหรือรถซีเคดี ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า จึงสามารถทำราคาได้ ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น

ส่วนกรณีรัฐบาลปรับการเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ใหม่ โดยคิดจากการปล่อยไอเสีย ฮาร์ลีย์ไม่ได้ผลกระทบ เพราะสามารถปรับเครื่องยนต์ให้ปล่อยไอเสียได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด

นายอนุวัชรกล่าวว่า เอเอเอส ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน กรุ๊ป มีแผนจะจัดกิจกรรมให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดพื้นที่ให้ลูกค้าได้มาพบปะสังสรรค์ที่ศูนย์วิภาวดี โดยใช้กลไกของความเป็นกลุ่มบราเธอร์ฮูด (ความเป็นพี่เป็นน้อง) มาพบปะกัน จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาเสริม นำระบบอินเตอร์เน็ต ออฟ ติง หรือไอโอที เข้ามาให้บริการ ที่สำคัญจะนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่มาโชว์ให้ลูกค้าได้เลือกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้สมกับเป็นศูนย์บริการหลักหรือแฟลกชิพสโตร์ของฮาร์ลีย์ในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังสนับสนุนทำทีมแข่งขันของลูกค้า และสร้างทีมแข่งจากพนักงานของเราขึ้นมาเอง เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจในแบรนด์ พร้อมส่งต่อความรู้ให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มที่

“เดิมทียอมรับว่าไม่มั่นใจว่าฮาร์ลีย์มาตั้งโรงงานประกอบในเมืองไทย คุณภาพจะสู้ที่อเมริกาได้หรือไม่ แต่พอเกิดขึ้นจริง มั่นใจว่าคุณภาพไม่ด้อยกว่าทุกประเทศ และการที่ประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็นฐานการผลิตในภูมิภาคนี้ หลังจากตลาดฮาร์ลีย์ในอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่นเริ่มอิ่มตัว ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง” นายอนุวัชรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image