“JKN” เสริมฐานทุนออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 1,200 ล้านให้ Morgan Stanley พร้อมสยายปีกลุยต่างประเทศ

จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะบาลานซ์พอร์ตรายได้ที่เหมาะสม แบ่งสัดส่วนเป็นรายได้ในประเทศ 60% ต่างประเทศ 30% และรายได้จากการขายสื่อ 10% และวางแผนการทำตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนท์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งแนวทางดำเนินงานยังคงให้ความสำคัญกับการขยายตลาดต่างประเทศที่เป็น Blue Ocean จากการทำตลาดและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนท์ซีรีส์อินเดีย ฟิลิปปินส์ และคอนเทนท์ละครไทยจากช่อง 3 ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม) ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก รวมถึงขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง ยุโรปและละตินอเมริกา

ขณะที่คอนเทนท์ละครไทยจากช่อง 3 บริษัทฯ จะมุ่งเจาะตลาดเพิ่มเติม หลังจากประสบความสำเร็จในการทำตลาดที่ประเทศเกาหลี ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียส่งผลดีต่อภาพรวมสัดส่วนรายได้ของตลาดต่างประเทศเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนตลาดในประเทศ บริษัทฯ จะจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนท์ซีรี่ส์อินเดีย ฟิลิปปินส์ และสารคดีชั้นนำจากต่างประเทศให้แก่สถานีทีวีดิจิทัล ที่ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนท์เพื่อนำไปออกอากาศมากกว่าจะลงทุนผลิตคอนเทนท์เอง นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขายโฆษณา การผลิตรายการข่าวเศรษฐกิจการเงินและการลงทุนภายใต้แบรนด์ JKN-CNBC ที่ออกอากาศทุกแพลตฟอร์ม ทั้งออนไลน์และสถานีทีวีดิจิทัล

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JKN กล่าวว่า สำหรับการบริหารต้นทุนทางการเงินมุ่งสร้างประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับแผนรุกขยายธุรกิจและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น บริษัทจึงออกหุ้นกู้แปลงสภาพ อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี วงเงินรวม 1,200 ล้านบาท ให้แก่กองทุน North Haven Thai Private Equity ในกลุ่ม Morgan Stanley เพื่อลดต้นทุนทางการเงินและเอื้อต่อความสามารถทำกำไรที่ดีขึ้น ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะได้รับสิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นทุน เมื่อครบกำหนด ในราคา 8 บาทต่อหุ้น ซึ่ง JKN จะออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 150 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.50 บาทต่อหุ้นไว้รองรับ โดยจะจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติ ในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ ที่โรงแรม รอยัล ซิตี้

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2562) บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนรายได้มากกว่า 90% มาจากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนท์ที่มีอัตราการเติบโต 31% คิดเป็น 296 ล้านบาท แบ่งเป็นการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนท์แก่ลูกค้าภายในประเทศจำนวน 863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และเป็นลูกค้าต่างประเทศ จำนวน 402 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 127% มีกำไรสุทธิรวม 203 ล้านบาท เติบโต 11% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image