“จุรินทร์”โชว์ผลงานเจรจาขายสินค้า5กลุ่ม เพิ่มส่งออก7พันล้าน แต่ปิดปากเป้าส่งออกปี63(ชมคลิป)

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเปิดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ ว่า กิจกรรมจับคู่ธุรกิจ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นกิจกรรมในส่วนในการเร่งรัดการส่งออกของไทย ควบคู่กับการจัดคณะภาคเอกชนไปร่วมงานหรือเจรจาการค้าในต่างประเทศ ซึ่งช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการเดินทางไปเจรจาและลงนามซื้อขายแล้วในหลายประเทศ อาทิ จีน อินเดีย ตุรกี สหรัฐฯ และเยอรมนี และเตรียมเปิดตลาดส่งออกใหม่ไม่น้อยกว่า 10 ตลาดทั่วโลก

สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้การพบปะเจรจาระหว่างผู้ส่งออกไทย 190 บริษัท กับผู้นำเข้าจากทั่วโลก 176 บริษัท ในกลุ่มข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ผลไม้แปรรูป และพลาสติกชีวภาพ โดยผลเจรจาได้บรรลุ 2 ส่วน คือ มีการลงนามซื้อขาย 14 ฉบับ ประกอบด้วยขายข้าว 1.45 แสนตัน มูลค่า 4 พันล้านบาท ผลไม้แปรรูป(เช่นมะขามหวาน) 520 ตู้ มูลค่า 34 ล้านบาท ลงนามขยายช่องทางออนไลน์กับแพลตฟอร์มดังของอินเดียที่มีการค้าขายทั่วโลก 12 ล้านคน คาดทำตัวเลขกว่า 150 ล้านบาทใน 2 ปี และอื่นๆ เช่น น้ำมันรำข้าว รวมมูลค่าส่วนนี้ 4,160 ล้านบาท นอกจากนี้ ได้มีการเจรจาสั่งซื้อล่วงหน้าและเตรียมทำสัญญาอีก 2,840 ล้านบาท รวมทั้งสองส่วนได้สร้างมูลค่าส่งออกประมาณ 7 พันล้านบาท

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดกิจกรรมพบปะและเจรจาการค้าต่อเนื่อง และรุกมากขึ้นในปี 2563 โดยช่วงไตรมาสแรกจะเน้นผลักดันผลไม้ ที่จะมีการจัดกิจกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตลาดเป้าหมายครบคลุมทั้งหมด ทั้งจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี อาเซียน ยุโรป สหรัฐ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา

” เรื่องตัวเลขส่งออกอยู่ระหว่างการจัดทำ โดยเบื้องต้นสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า( สนค.)ได้ประเมินจากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ พบว่า แนวโน้มการส่งออกในไตรมาส 4 ปีนี้จะกลับมาเป็นบวก ซึ่งในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ก็จะมีแถลงตัวเลขส่งออกเดือนตุลาคม รวมถึงประเมินว่าแนวโน้มการส่งออกปี 2563 จะกลับมาเป็นบวก แต่จะมากหรือน้อย ผมไม่อยากระบุเพราะไม่อาจสั่งการให้ว่าต้องทำตัวเลขเท่านั้นทีนี่ แต่สั่งการว่าให้รุกทำงานเต็มที่ ถ้าลบต้องลบน้อยที่สุดถ้าบวกต้องบวกให้มากที่สุด จะได้ถึง 3% ไหมต้องดูปัจจัยต่างๆก่อน “นายจุรินทร์ กล่าว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image