ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง จู่โจมเรือนจำสงขลา ปราบมาเฟีย หาสิ่งผิดกฎหมาย
เมื่อเวลา 05.45 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน นายปรีชา บุญโรจน์พงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พร้อมด้วย นายดำรงค์ บัวฤทธิ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.สงขลา นำเจ้าหน้าที่จากทัพเรือภาคที่ 2 สงขลา กองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 1 ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 ตำรวจภูธรเมืองสงขลา สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 9 และชุดปฏิบัติการพิเศษเขต 9 สนธิกำลังเข้าจู่โจมตรวจค้นกรณีพิเศษเรือนจำ จ.สงขลา
นายปรีชากล่าวว่า สถานการณ์ปัญหายาเสพติดในปัจจุบันยังมีการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น เป็นภัยสังคม คุกคามต่อการพัฒนาประเทศและความสงบสุขของสังคม นำไปสู่ปัญหาการก่ออาชญากรรม ส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศ
“เร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วนของรัฐบาล ทำให้มีการจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งผู้เสพและผู้ค้าได้เป็นจำนวนมาก รัฐบาลจึงได้กำหนดเป็น ‘วาระแห่งชาติ’ ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาสำคัญที่ทุกหน่วยงานต้องเข้ามาร่วมมือกันแก้ไข ประสานงานติดต่อสื่อสารที่จะเชื่อมโยงประสานความร่วมมือกันอย่างจริงจัง”
นายดำรงค์กล่าวว่า การจู่โจมตรวจค้นกรณีพิเศษเป็นมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือให้หมดสิ้นไปจากเรือนจำและทัณฑสถานโดยเร็ว ตามนโยบาย 5 ก้าวย่างการเปลี่ยนแปลงราชทัณฑ์ ไม่ให้มีการลักลอบเข้ามา หรือมีไว้ภายในเรือนจำอย่างเด็ดขาด
“เรือนจำจังหวัดสงขลามีภารกิจด้านการควบคุมผู้กระทำความผิดตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด บางคนอาจมีอิทธิพลด้านการเงินและมีเครือข่ายภายนอกเรือนจำ อาจลักลอบใช้เรือนจำเป็นฐานในการสั่งซื้อ-ขาย ยาเสพติดโดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์สื่อกลางในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอกเรือนจำ”
รายงานข่าวว่า ผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้แยกย้ายเข้าค้นเรือนนอน ตู้เก็บสิ่งของและอาคารสถานที่ภายในเรือนจำอย่างละเอียด แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ได้ทำการสุ่มตรวจปัสสาวะในกลุ่มผู้ต้องขัง 495 คน ไม่พบสารเสพติด ปัจจุบันผู้ต้องขัง 2,706 คน