ลูกชายจี้ตำรวจเร่งคดีแม่หาย 4 ปี เจอกลายเป็นศพ ไร้วี่แววจับคนร้าย

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จังหวัดขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา พร้อมด้วยนายวิราช หอมดอกพุท ชาวสุรินทร์ ยื่นหนังสือต่อผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ให้ช่วยเร่งรัดติดตามความคืบหน้าคดีมารดาหายตัวไปนานกว่า 4 ปี ต่อมาตรวจสอบดีเอ็นเอพบว่ามารดากลายเป็นศพนิรนามถูกฆ่ารัดคอทิ้งศพไว้ที่จังหวัดมหาสารคามตั้งแต่หายตัวไป ยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ โดยคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณีนางสุมาลี แสงเดือน อายุ 48 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่คืนวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 จากห้องพักที่อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ และพบรถกระบะของคนหาย ตกอยู่ในท้องนาห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ประมาณ 5 กม. และบุตรชายนางสุมาลี ได้ไปแจ้งความคนหายไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ตั้งแต่ปี 2558 ต่อมาบุตรชายพยายามตามหาตัวมารดามาโดยตลอด กระทั่งเดือนกันยายน 2562 ได้โพสต์ประกาศตามหามารดาในโลกออนไลน์อีกครั้ง และมูลนิธิกระจกเงา ได้ประสานตรวจสอบข้อเท็จจริง คาดอาจเกิดเหตุอาชญากรรมกับคนหาย จึงได้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการบริหารจัดการคนหายและศพนิรนาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(คบคน.ตร) โดย พลตำรวจไตรรงค์ ผิวพรรณ เลขานุการ คบคน.ตร ได้ลงพื้นที่ติดตามคดีที่จังหวัดสุรินทร์และได้เก็บดีเอ็นเอบุตรชายนางสุมาลีมาตรวจเปรียบเทียบกับศพนิรนามทั่วปรเทศ จนพบข้อมูลว่า ตรงกับศพหญิงนิรนามที่ถูกฆ่ารัดคอทิ้งไว้ในท้องที่ สถานีตำรวจภูธรท่าตูม อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 โดยศพนิรนามดังกล่าวไม่ทราบว่าเป็นใคร จึงถูกนำส่งไปฝังไว้ที่สุสานของมูลนิธิเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นและเพิ่งถูกล้างป่าช้าไปเมื่อต้นปี 2562 ที่ผ่านมา

นายวิราช หอมดอกพุท บุตรชายนางสุมาลี กล่าวว่า ตลอดเวลาเกือบสี่ปีที่ผ่านมา ตนเองและน้องๆ พยายามติดตามหามารดามาโดยตลอด ทราบเพียงก่อนมารดาหายตัวไปว่า มารดาได้ทะเลาะกับสามีใหม่ สาเหตุจากความหึงหวง โดยคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 มารดาน่าจะไปเคลียร์ปัญหากับสามีใหม่ แล้วหายตัวไป ทั้งนี้สามีใหม่ของมารดาเพิ่งคบกันได้ไม่ถึงปีหายตัวไปด้วย นอกจากนี้จุดที่พบรถกระบะของมารดาก็เป็นซอยบ้านของสามีใหม่มารดา และไม่สามารถติดต่อสามีใหม่ของมารดาได้นับตั้งแต่วันที่มารดาหายตัวไป
“หลังจากพบว่ามารดาที่หายตัวไป คือ ศพนิรนามที่ถูกฆ่ารัดคอ ลูกๆ ต่างเสียใจและพูดคุยกันว่า ทำไมต้องทำกับมารดาตนเองโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ครอบครัวตน อยากให้ตำรวจช่วยติดตามคดี จึงได้มายื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อให้ช่วยเร่งรัดดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฏหมายให้ได้ในเร็ววัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image