ประชุมกก.วัตถุอันตรายใกล้เลิก ‘สุริยะ’ รับหนังสือกรรมาธิการการพาณิชย์ฯ ข้อคิดเห็น-ข้อเสนอแนะแบน 3 สาร

ประชุมกก.วัตถุอันตรายใกล้เลิก “สุริยะ” รับหนังสือกรรมาธิการการพาณิชย์ฯ ข้อคิดเห็น-ข้อเสนอแนะแบน 3 สาร

เมื่อเวลา 09.55 น. วันที่ 27 พ.ย. 62 ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับหนังสือจากนายอันวาร์ สาและ ประธานกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญาและคณะเกี่ยวกับการข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะการยกเลิกใช้ (แบน)​ สารเคมีกำจัดศัตรูพืช​ 3 ชนิด คือ พารา​ควอต​ ไกล​โ​ฟ​เซต​ และ​คล​อร์​ไพร​​ิฟอส​ ของคณะกรรมการวัตถุอันตราย โดยมีใจความสำคัญ​ต่อไปนี้ การที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายปรับการควบคุมวัตถุอันตรายพาราควอตไกลโฟเซตและคลอร์ไพริฟอสจากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมาก่อให้เกิดความร้อนแรง ทางสังคมขึ้นมาทันทีโดยฟากฝั่งเกษตรกรไม่ว่าจะเป็นชาวไร่อ้อย มันสำปะหลัง โดยชาวสวนยางปาล์มหรือชาวสวนผลไม้และอื่นๆ ทั้งประเทศได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรมจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา และเสียงเรียกร้องให้หยุดแบนสาร 3 ชนิดก็มากขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ก็เกิดมีเกษตรกร เดินขบวนมายื่นหนังสือต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอชะลอการแบนสาร 3 ชนิด เนื่องจากเกษตรกรจะเดือดร้อนจากการครอบครอง และยังไม่มีสารทดแทนการใช้ 3 สารดังกล่าว ทางคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญาโดยมีกระผมนายอันวาร์ สาและ ประธานกรรมมาธิการ ได้เห็นประเด็นปัญหาของการแบนสาร 3 ชนิดนี้มาตลอดและได้ดำเนินการพิจารณาตรวจสอบและเรื่องนี้เนื่องจากเกี่ยวข้องกับต้นทุนทางการเกษตรที่เกษตรกรทั่วประเทศประสบปัญหาอยู่แล้วมาร้องคณะกรรมาธิการให้ช่วยเหลือ ทางคณะกรรมาธิการได้ดำเนินการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบถี่ถ้วนและครบทุกด้านอย่างเป็นธรรมและพบความจริงว่าการแบนสาร 3 ชนิดดังกล่าว โดยขาดมาตรการที่ดีและชาญฉลาดรองรับก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประเทศในหลายภาคส่วน อาทิ ภาคเกษตรกร และภาคการส่งออก เป็นต้น ซึ่งทางคณะกรรมาธิการได้ประเมินไว้มีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรจัดเวทีสาธารณะถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศเพื่อให้มีการนำข้อมูลของฝ่ายที่ต้องการแบสาร 3 ชนิด มาเผยแพร่และนำมาหักล้างกันบนหลักของเหตุและผลเพื่อพิสูจน์ความจริงให้เห็นว่าสารเคมีดังกล่าวนั้นเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในว่าจะเป็นการตกค้างในน้ำหรืออื่นๆ หรือสารเคมีเกษตรดังกล่าวมีความปลอดภัยและไม่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมหากมีการกำกับโดยใช้พื้นฐานของการทำงานแบบวิจัยและหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์มาหักล้างกันอย่างถูกต้องถูกวิธี เพื่อพิสูจน์ความจริงและสลายความสงสัยของสังคมอย่างทันท่วงทีต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น.นี้ มีคณะกรรมการที่ร่วมประชุมมี 29 ราย แต่ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2562 ต้องมี 27 ราย โดยอีก 2 ราย เป็นคณะกรรมการ​ชุดเดิมที่ยังไม่หมดวาระการทำงาน ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมปศุสัตว์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เลขาธิการองค์การอาหารและยา ปลัดกระทรวงพลังงาน อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน อธิบดีกรมการขนส่งทางบก อธิบดีกรมเจ้าท่า ผู้ทรงคุณวุฒิ 8 ท่าน ผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และอธิบดีกรมศุลกากร นายสุริยะ​ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม​ ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย​ กล่าวว่า ในวันนี้ ตนได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย​ชุดใหม่ โดยมีวาระการพิจารณาเลื่อน​ หรือไม่เลื่อนการยกเลิกใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิด จากเดิมที่จะมีกำหนดยกเลิกใช้ ในวันที่​ 1​ ธันวาคมนี้​ ซึ่งจะต้องฟังข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรเป็นหลัก​และหารืออย่างรอบด้าน เพราะมองว่าขณะนี้เรื่องดังกล่าว ยังมีแนวคิดจากผู้สนับสนุนและไม่สนับสนุนแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย​ โดยจะนำความคิดเห็นทั้งสองฝ่ายมาพิจารณาหาทางออกร่วมกัน​ ทั้งนี้ ยังระบุว่าหากจะยกเลิกใช้ 3 สารนั้น จะต้องไม่กระทบการนำเข้าและการส่งออก​ สำหรับบรรยากาศ​ระหว่างการรอผลการประชุมยังเป็นไปด้วยความสงบ มีตัวแทนภาคเอกชน และเกษตรกร​ ประมาณ 30 ราย มารอลุ้นผลโดยไม่มีการพูดปลุกใจหรือตอบโต้ใดๆ ในขณะนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image