ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ได้ลงนามในระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยกรอบระยะเวลาที่เหมาะสมในการจัดพิมพ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นตันโดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 258 ง, ด้านกระบวนการยุติธรรม (1) บัญญัติให้มีการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม โดยกำหนดให้มีการกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ขัดเจนเพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติรรรมโดยไม่ล่าช้ากับคำพิพากษาหรือคำสั่งต้องมีความถูกต้องและละเอียดรอบคอบควบคู่กันไปด้วยจึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงระยะวลาในการจัดพิพ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นตันเสียใหม่ให้เหมาะสม อันจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง และสอดคล้องกับนโยบายประธานศาลฎีกา
ข้อ 2.2ที่กำหนดให้ความยุติธรรมได้ปรากฎในเวลาอันควร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ประธานศาลฎีกาจึงออกระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบราชการฝ่ยตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยกรอบระยะเวลา ที่เหมาะสมในการจัดพิมพ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นพ.ศ.2562”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับทันทีนับแต่วันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยกเลืกระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยระยะวลาในการจัดพิมพ์
คำทิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้น พ.ศ.2562ฉบับประกาศ ณ วันที่ 13 มีนาคม 2562
บรรดาระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งอื่นใดที่ออกตามระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยระยะเวลาในการจัดหิมพ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้น พ.ศ. 2562 ฉบับประกาศ ณ วันที่ 13 มีนาคม 2562ที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้
ข้อ 4 ในระเบียบนี้
“คำสั่ง” หมายความว่า คำสั่งศาลที่ทำในรูปแบบคำพิพากษา
ข้อ 5 เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คู่ความฟังแล้วให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนส่งร่างคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เจ้าพนักงานศาลจัดพิมพ์คำพิพากษาหรือคำสั่งให้เรียบร้อยเพื่อให้คู่ความสามารถคัดถ่ายสำเนาได้ภายใน 10 วันทำการนับแต่วันอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่ง ทั้งนี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลอาจกำหนดให้มีการจัดพิมพ์คำพิพากษาหรือคำสั่งเร็วกว่านั้นสำหรับแต่ละประเภทคดีตามความเหมาะสมของแต่ละศาลก็ได้
ข้อ 6 ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นตันหรือผู้พิพากษาหัวหน้ศาลมีหน้าที่ตรวจสอบและติดตามให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนและเจ้าพนักงานศาลในสังกัดส่งร่างคำพิพากษาหรือคำสั่งและจัดพิมพ์ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามข้อ 5
ข้อ 7 ถ้ามีกรณีไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลรายงานไปยังประธานศาลฎีกาผ่านเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมระบุเหตุผลความจำเป็น
ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
(นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์)
ประธานศาลฎีกา