เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 13ธันวาคมนี้ คณะกรรมการ(บอร์ด) รฟท.จะมีการพิจารณาโครงการจัดหารถไฟโบกี้ปั้นจั่นกลชนิดมีเครนที่ใช้สำหรับยกรถไฟตกรางจำนวน 3 คัน โดยตั้งราคากลางไว้ที่ 813 ล้านบาท หลังจากที่โครงการดังกล่าวหยุดไปนานกว่า 3 ปี เพราะมีการร้องเรียนว่ามีการล็อคสเปกจัดซื้อจากผู้ผลิตเพียงรายเดียวและราคากลางที่ตั้งไว้สูงเกินจริงไปกว่า 60% ของราคาตลาด
แหล่งข่าวกล่าวว่า โครงการนี้กลับนำมาพิจารณาอีกครั้งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าประกวดราคา 3 ราย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า รฟท.ได้เชิญผู้เข้าประกวดราคาเข้ายื่นข้อเสนอเพียง3 รายเท่านั้น และทั้ง 3 รายต่างยื่นข้อเสนอภายใต้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อเดียวกัน โดยผู้เสนอราคาต่ำสุดเสนอราคาที่ 799 ล้านบาทต่ำกว่าราคากลาง 14 ล้านบาทเท่านั้น และยังเป็นบริษัทเอกชนรายเดิมที่เคยชนะประมูลแต่ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้
“ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า โครงการนี้มีการล็อคสเปกจัดซื้อจากผู้ผลิตเพียงรายเดียวหรือไม่ ทั้งๆ ที่มีผู้ผลิตโบกี้ปั้นจั่นกลแบบนี้หลายราย แต่ในเงื่อนไขการจัดหากลับระบุว่า ผู้ผลิตต้องมีหนังสือรับรองความพอใจจำนวน 3 ฉบับจากลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งต้องเป็นรถปั้นจั่นกลรางขนาด 1 เมตร และมีน้ำหนักกดเพลาไม่น้อยกว่า 20 ตัน อีกทั้งมีความสามารถการยกได้ไม่น้อยกว่า 80 ตัน และต้องมีเทคโนโลยีชดเชยความลาดเอียงบนราง ซึ่งมีผู้ผลิตจากประเทศเยอรมนีเพียงรายเดียวเท่านั้นที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีดังกล่าว”แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่น่าแปลกใจคือเส้นทางรถไฟนั้นยังไม่สามารถรองรับน้ำหนักกดเพลาได้ 20 ตันทั่วประเทศ แต่มีการเขียนระบุน้ำหนักกดเพลาไว้ที่ 20ตันเพลา ซึ่งที่จริงไม่ควรเกิน 16 ตันเพลา จึงส่อให้เห็นพิรุธว่าอาจมีการล็อคสเปก จึงต้องการให้บอร์ด รฟท.พิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียด รอบคอม ซึ่งขณะนี้มีเอกชนไปยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เข้ามาตรวจสอบโครงการนี้แล้ว และก่อนหน้านี้โครงการดังกล่าวเคยถูกนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่ามีการล็อคสเปกการจัดซื้อและตั้งราคากลางสูงเกินจริงเมื่อ 3 ปีก่อน
