วันที่ 11 ธันวาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,552.96 จุด ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,550.36 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,551.82 จุด ปรับลดลง 1.14 จุด หรือ 0.07% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,559.19 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,546.51 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 49,381.73 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 132.98 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 321.90 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 1,360.84 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 905.96 ล้านบาท
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปิดลบเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 โดยปรับลงกว่า 63 จุด หรือ 3.8% สาเหตุมาจากแรงขายในหุ้นกลุ่มแบงก์ หลังจากมีการเปิดเผยถึงตัวเลขหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้กังวลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลของธุรกิจเอสเอ็มอีปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ยอดปล่อยสินเชื่อไม่ได้เติบโตมากนัก รวมถึงการที่นักลงทุนปรับพอร์ตหุ้นพลังงาน ของสำนักงานตลาดทุนซาอุดีอาระเบีย ที่อนุมัติให้บริษัท Saudi Aramco ให้จำหน่ายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ)
“หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในประเทศ เช่น เอโอที บีอีเอ็ม ประกอบกับตลาดรอดูผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลง 4.2 ในวงเงิน 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนวันที่ 15 ธันวาคมนี้หรือไม่ ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 11-12 ธันวาคมนี้ ประเมินว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม สำหรับกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ เน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่น อสังหาริมทรัพย์ ขณะที่กรอบการเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้อยู่ที่ 1,546 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,563 จุด”นายภราดรกล่าว
