ซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจ‘กลัวที่ความวุ่นวานบานปลาย’ประชาชนหวั่นการเมืองร้อนฉุดศก.ตกต่ำ

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยว่า  นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง กลัวที่ความวุ่นวายบานปลาย กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่านเสียงประชาชนในโลกโซเชียลด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 11,703 ตัวอย่าง ที่เกาะติดความเคลื่อนไหวของนักการเมือง และเสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิมจำนวน 1,195 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 12 – 14 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.9 ระบุไม่เคยได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของนักการเมือง อาทิ การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การไม่ถวายสัตย์ฯ การวิ่งไล่ลุง และอื่น ๆ เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 14.1 ระบุเคยได้รับประโยชน์

ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.5 ระบุความเคลื่อนไหวต่าง ๆ เช่น การนัดวิ่ง การชวนนัดคนให้ชุมนุมประท้วง และการโน้มน้าวต่าง ๆ ทำไปเพื่อความอยู่รอดผลประโยชน์ล้วน ๆ ของนักการเมือง ในขณะที่ร้อยละ 29.5 ระบุทำเพื่อประโยชน์แท้จริงของประเทศชาติและประชาชน สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.7 ระบุ ตอนนี้ กลัวที่ความวุ่นวายบานปลาย เศรษฐกิจตกต่ำลงไปอีก ต้องการบ้านเมืองสงบสุขประเทศชาติมั่นคง ในขณะที่ร้อยละ 17.3 ไม่กลัว

ผศ.ดร.นพดล กล่าวว่า ผลการสำรวจ เสียงประชาชนในโลกโซเชียลผ่านระบบ Net Super Poll พบว่า กลุ่มเคลื่อนไหวของนักการเมืองกำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลทั้งหมด 8,549,358 คน หรือ แปดล้านกว่าคน แต่มีคนที่สนใจพูดถึง กลุ่มเคลื่อนไหวของนักการเมืองนี้ในโลกโซเชียลจำนวน 101,711 คน หรือ หนึ่งแสนคนเศษ อย่างไรก็ตาม คนในโลกโซเชียลร้อยละ 53.8 ไม่ได้ตอบรับ Like การเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่ ร้อยละ 46.2 ให้เสียงตอบรับ Like

ผศ.ดร.นพดล กล่าวต่อว่า ผลสำรวจที่ค้นพบครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่กลัวที่ความวุ่นวายบานปลาย ซึ่งคนบางกลุ่มในโลกโซเชียลไม่กลัวเพราะมีกินมีใช้อยู่ในช่วงความวุ่นวายของบ้านเมืองได้อย่างสบาย แต่คนยากจนข้นแค้นไม่มีจะกินถ้าวุ่นวายวันหนึ่งกระทบต่อการทำมาหากินของพวกเขาใครจะรับผิดชอบเยียวยารายได้น่าสงสารพวกเขาขนาดไหน ดังนั้น เสียงของคนในโลกโซเชียลที่มาจากคนไทยและต่างชาติจึงมีจำนวนมากที่กลับ Like การเคลื่อนไหวของนักการเมืองเหล่านั้นที่จะนัดชุมนุมกัน จึงเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายน่าจะช่วยกันคิดถึงผลกระทบที่จะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติและซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่

Advertisement

“คนนอกโลกโซเชียลส่วนใหญ่ไม่ต้องการความวุ่นวาย ต้องการความสงบ ความรักความสามัคคีของคนในชาติ ส่วนเรื่อง ความเดือดร้อนของประชาชนปัญหาปากท้องนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกรัฐบาล บ่นกันทุกรัฐบาลไปตรวจสอบย้อนหลังความรู้สึกของประชาชนช่วงรัฐบาลต่าง ๆ ในอดีตดูได้ ตอนนี้กระแสสร้างความเกลียดชังเริ่มต้นในโลกโซเชียลที่แรงและเร็ว จึงจำเป็นที่ประชาชนทุกคนต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจช่วยกันรักษาความสงบสุขของบ้านเมืองให้ได้ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็เพิ่งเริ่มทำงานแก้ความเดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศได้ประมาณ 6 เดือน ประเทศที่พัฒนาแล้วเขาจะเน้นที่ความมั่นคงของชาติมากกว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เมื่อประเทศมั่นคงแล้วก็จะทำประโยชน์ทางเศรษฐกิจควบคู่ไปพร้อมกัน เพราะถ้าบ้านรวยแต่ไม่มั่นคงความร่ำรวยก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ประชาชนส่วนใหญ่คิดได้และกลัวในสิ่งที่ควรจะกลัวคือกลัวที่ความวุ่นวายบานปลาย” ผศ.ดร.นพดลกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image