รมว.ทส. เฝ้าระวังปัญหาฝุ่นจิ๋ว ขอความร่วมมือ ปชช. ดูแลเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 17 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ว่า อย่างที่เรียนไปตั้งแต่ตอนที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดเดา แต่ปัจจัยสำคัญของการเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 แตกต่างจากการเกิดฝุ่นละออง PM 10 ซึ่ง PM 10 นั้น จะเกิดจากการเผาไหม้ทางการเกษตร เช่น ซังข้าว ซังข้าวโพด เป็นต้น
แต่ต้นเหตุหลักของการเกิด PM 2.5 นั้นมาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ การสันดาปภายใน ดังนั้นจากนี้ไปจึงต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ที่มีเครื่องยนต์ หรือยานพาหนะขอให้ช่วยกันดูแล เพราะรถที่มีอายุมากสมรรถนะในการทำงานของเครื่องยนต์ก็จะเสื่อมถอยไปตามกาลเวลา เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ และเกิด PM 2.5 ขึ้นมาได้ เพราะวันนี้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นรถควันดำ ควันขาวทำได้เพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่มีอีกจำนวนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ จึงขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคนเพราะฉะนั้นจึงต้องขอความร่วมมือ ประชาชนในการดูแลสมรรถนะเครื่องยนต์ให้ มีสภาพการใช้งานที่ดี
นายวราวุธกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในปีนี้จะรุนแรงกว่าปีที่แล้วหรือไม่นั้นคงต้องดูที่สภาพอากาศ ว่ามีการเคลื่อนตัวอย่างไร หากลมแรง มีการเคลื่อนไหวของอากาศอย่างต่อเนื่องไม่มีการหยุดนิ่ง PM 2.5 นั้นก็จะถ่ายเทไปเรื่อยๆ แต่หากไม่มีลม หรือมีแรงกดอากาศต่ำลงมาก็คงจะต้องดูสถานการณ์อีกทีว่า ปริมาณของ PM 2.5 เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าปีที่แล้ว เป็นการผลิต PM 2.5 จากการใช้งานเครื่องยนต์ตามปกติ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องดูสภาพอากาศด้วยว่าจากนี้สภาพอากาศจะเป็นอย่างไร ต้องหารือกับกรมอุตุนิยมวิทยาอีกครั้งว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับกระทรวงคมนาคมเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อหามาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน นายวราวุธ กล่าวว่า จริงๆ ประเด็นของ การแก้ไขปัญหาการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์การตรวจจับฝุ่นควันดำใน กทม.นั้นเชื่อว่ าพวกเราคงเห็นกันมาหลายครั้ง แต่ก็ยังมีเครื่องยนต์บางกลุ่มที่หลุดรอดไป ถึงต้องขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน ที่เป็นเจ้าของเครื่องยนต์ยานพาหนะทั้งหลาย ให้ช่วยกันรักษาเครื่องยนต์ของตัวเอง
