สรรพสามิตย้ำอีกรอบ ครม.เคาะผ้าอนามัยแบบสอดเป็นเครื่องสำอางตามกฎหมาย สธ.คนละส่วนกับการเก็บภาษี

 

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีผ้าอนามัยแบบสอดที่ ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561 ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นของกระทรวงสาธารณสุข เข้าใจว่า เพื่อต้องการให้มีการควบคุมดูแลผ้าอนามัยชนิดสอดในลักษณะเดียวกับเครื่องสำอางเข้าใจว่าผ้าอนามัยแบบสอดนั้นเป็นสินค้าที่ต้องสอดใส่ในร่างกาย ดังนั้นควรต้องมี อย.เหมือนเครื่องสำอาง และคิดว่าทาง สธ.อยากให้มีการควบคุมกึ่งๆ เป็นเวชภัณฑ์ โดยคาดว่าไม่ได้มีเจตนาที่เสนอกฎหมายเพื่อเก็บภาษีสรรพสามิต เพราะเป็นคนละส่วนกับภาษีสรรพสามิต เพราะหากจะเก็บภาษีสรรพสามิตต้องมีการเปิดพิกัดภาษีใหม่ ขณะนี้ไม่มีพิกัดผ้าอนามัย มีแต่พิกัดเครื่องสำอาง

นายพชรกล่าวต่อว่า แม้ขณะนี้จะมีพิกัดภาษีเครื่องสำอาง แต่กรมไม่สามารถเก็บภาษีดังกล่าวได้มากนัก เนื่องจากผู้ผลิตเลี่ยงการเสียภาษีด้วยการใส่ตัวบำรุงเข้าไปในเครื่องสำอางและระบุว่าเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวซึ่งได้รับการยกเว้นภาษี โดยในกลุ่มเครื่องสำอางที่กรมเก็บภาษีได้นั้นมีเฉพาะน้ำหอมเท่านั้น

“ถ้าถามว่าจะเก็บภาษีผ้าอนามัยแบบสอดตามพิกัดเครื่องสำอางมีเพดานจัดเก็บ 40% ได้ไหม ต้องตอบว่าไม่ได้ เพราะเป็นสินค้าคนละตัว จะใช้กฎหมายของ สธ.ที่ระบุว่าผ้าอนามัยแบบสอดเป็นเครื่องสำอางแล้วมาเก็บภาษีในพิกัดเดียวกันคงไม่สามารถได้ มันเป็นคนละส่วนกันและคำว่าสินค้าฟุ่มเฟือยนั้นไม่มีคำนี้ในทางกฎหมาย เป็นคำพูดกันเอง ซึ่งกรมสรรพสามิตมองว่าผ้าอนามัยแบบสอดไม่ได้อยู่ในกลุ่มเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่พูดกัน เพราะยังมีความจำเป็นต้องใช้” นายพชรกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image