ไทยอยู่ที่อันดับ 9 ของโลก เจ็บ-ตายจากการจราจรทางถนน

ไทยอยู่ที่อันดับ 9 ของโลก เจ็บ-ตายจากการจราจรทางถนน

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติแจ้งวัฒนะ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา “การบูรณาการงานพัฒนาคุณภาพชีวิตกับการป้องกันการบาดเจ็บจากการจราจรทางถนน” ร่วมกับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) และประกาศนโยบาย “มหานครปลอดภัย ปลอดอุบัติภัยทางถนน” ของ กทม. โดยมี นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ จากสธ. และกกทม. เข้าร่วมประชุม 310 คน

นายสาธิต กล่าวว่า แต่ละปีประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนกว่า 22,000 คน ใน 15 ปีมียอดผู้เสียชีวิตสะสมมากถึง 400,000 คน จัดเป็นลำดับ 9 ของโลก โดยกทม.มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรทางถนนเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ 6 ปีซ้อน สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึง 232,000 ล้านบาท และยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของญาติพี่น้อง ลูก พ่อ แม่ ของผู้เสียชีวิต หรือ ผู้พิการในระยะยาว ทั้งนี้ สธ. ได้ร่วมกับกทม. หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน พัฒนากลไกการดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับเขต(พชข.) แก้ไขปัญหา ป้องกันการบาดเจ็บ เสียชีวิตและพิการจากการจราจรทางถนน โดยยกระดับข้อมูลจาก 3 ฐาน เป็น 3 ฐานพลัส นำข้อมูลผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ตำรวจ และมรณะบัตรจาก สธ.มาบูรณาการ เพิ่มข้อมูลจากสถาบันนิติเวชอีก 7 แห่ง มาวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจากการดื่มเหล้า จุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุ เช่น ทางโค้ง ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ นำไปใช้วางแผนการดำเนินงาน เช่น การตรวจสมรรถนะของผู้ขับขี่รถสาธารณะ โดยการใช้ Fit for Drive ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก

Advertisement

“ตั้งเป้าลดอัตราการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุการจราจรทางถนนเหลือครึ่งหนึ่ง ตามนโยบายรัฐบาลที่ตั้งเป้าลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือไม่เกิน 10 ต่อประชากรแสนคน ภายในปี พ.ศ.2563 ภายใต้กรอบทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน 8 มาตรการ คือ 1.ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 2.ลดพฤติกรรมเมาแล้วขับ 3.แก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงจุดอันตราย 4.ปรับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ยานพาหนะให้ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด 5.ยกมาตรฐานยานพาหนะโดยเฉพาะมาตรฐานของรถจักรยานยนต์ รถกระบะ รถโดยสารสาธารณะ และรถบรรทุก 6.พัฒนาสมรรถนะของผู้ใช้รถใช้ถนน ให้มีความปลอดภัย 7.พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ให้การบริการเข้าถึงผู้บาดเจ็บได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว และ8.พัฒนาระบบการบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนนของประเทศให้มีความเข้มแข็ง” นายสาธิต กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image