‘ปิยบุตร’ปลุกม็อบรับปี 63 เปรียบ รธน.60 ระเบิดเวลา จบ 2 ทาง ทหารหรือ ปชช.ฉีก

“ปิยบุตร” ปลุกม็อบรับปี 63 เปรียบ รธน.60 เป็นระเบิดเวลา เชื่อจบได้แค่ 2 ทาง คือ ทหาร หรือ ปชช. เป็นคนฉีก ย้ำ อนค. จะไม่เป็นชนวน จุดความขัดแย้งรอบใหม่

วันที่ 31 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวตอนหนึ่งขณะออกรายการ WAKE UP THAILAND ช่อง Voice TV ว่า เหตุการณ์ที่คุณแต่ละคนออกมาโดยทนไม่ไหวแล้ว ผมคิดว่าอยู่ที่อัตตาวินิจฉัยของแต่ละคน เราบังคับกันไม่ได้ แต่ตนเชื่อว่า ถ้าผู้อำนาจยังใช้วิธีการแบบนี้ตลอดเวลา คือ ไม่ถอยเลย ไม่ถอยแม้แต่นิดเดียว ญัตติเรื่องมาตรา 44 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด นิดเดียวก็ไม่ถอย อย่างวันก่อน ที่คุณเลี้ยงปีใหม่ ต้อนรับรับ ส.ส.ที่เพิ่งย้าย โดยไม่เขินอายเลย ตนมองว่า การลำพองในอำนาจตัวเองไปเรื่อยๆ มันจะผลักทำให้คนมีความรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้วออกมา แต่จะเกิดเมื่อไรตนไม่ทราบ อย่างชิลี เกิดจากเรื่องการขึ้นค่าโดยสารรถระบบขนส่งสาธารณะ เลบานอนเกิดจากการเก็บภาษีออนไลน์ ฮ่องกงเกิดจากกฎหมายส่งผู้รายข้ามแดน

ถามว่าไอ้เรื่องนี้มันเป็นชนวนให้ขึ้นได้ไหม ผมว่ามันไม่ได้หรอก แต่มันมีความไม่พอใจสะสมมาเรื่อยๆ มันมีความไม่พอใจสะสม แต่ผมตอบไม่ได้ว่าจุดไหนที่ผู้ตั้งคำถามบอกว่า ยอมแล้ว ไม่ได้เลี้ยงแมวบ้างบางวัน บางวันออกไปชุมนุม อะไรต่างๆ สิ่งนี้ไม่มีใครตอบได้ ผู้มีอำนาจในปัจจุบันก็ตอบไม่ได้ แต่เรารู้กันอยู่ว่าภายใต้อำนาจที่เข็มแข็ง ข้างล่างมันเปราะบางมาก แต่เราไม่รู้ว่าจุดไหนคือชนวนที่ออกมา ถ้าวันนึงมาถึงความไม่พอใจต่อผู้ปกครองคณะนี้เมื่อไร เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าการเป็นพรรค อนค. ใหญ่เกิดกว่า ธนาธร หรือตนแล้ว มันเป็นความไม่พอใจโดยพร้อมเพียงกันของประชาชน เหตุการณ์แฟลชม็อบก็เห็นว่า หลายคนก็ไม่ได้เลือก อนค. บางคนก็ไม่ได้ชอบธนาธร บางท่านก็เคยโหวตเลือกพรรคของฝ่ายรัฐบาลด้วยซ้ำ จุดจบของรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของระบบการปกครองที่เป็นอยู่ตอนนี้ คือ ไม่ถูกฉีกโดยทหาร ก็ถูกฉีกโดยประชาชน ดังนั้นมันจึงมีสภาวะเหมือนระเบิดเวลา ที่ตั้งเวลารอไว้อยู่ แต่ไม่รู้จะถูกฉีกโดยใคร

เมื่อพิธีกรถามว่า แต่พรรค อนค.ไม่ต้องการให้ถึงจุดนั้นใช่หรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า ถูกต้องทั้ง 2 ทาง ถ้าฉีกโดยทหารก็จะเข้าอีหรอบเดิม แต่ถ้าฉีกโดยประชาชนผมไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร ไม่มีใครตอบได้ ผู้กำกับหนังเรื่องไหนก็สร้างฉากจบไม่ได้ เพราะมันคุมไม่อยู่

Advertisement

พิธีกรถามย้ำว่า คือไม่อยากให้มีการรัฐประหาร นายปิยบุตรกล่าวว่า ถูกต้อง ถึงมีการเสนอตั้งพรรคนี้ขึ้นมา เพื่อจะทดลองเข้าไปขยับตรงนี้และก็รู้ว่าใช้เวลามาก แต่อยางน้อยที่สุด ก็ได้ผลักดันเข้าไปเรื่อยๆ ทำให้ผีอำนาจ คณะผู้ปกรองตอนนี้กลับมาทบทวนว่า คุณจะออก 2 แบบนี้หรือ คือ ให้ทหารยึด และยึดเสร็จก็ไมรู้จะจบหรือไม่จบอีกนะ หรือจะออกแบบประชาชนลุกฮือประเด็นคือ คณะผู้ปกครองที่ครองอำนาจในปัจจุบัน ประเมินอย่างไร ตนว่าเขาต้องตั้งหลักก่อน 5 ปีกว่าที่เขาครองอำนาจมา จะยอมรับได้แล้วว่ามันจะเป็นเหมือนเดิมตลอดเวลา เมื่อคุณมีการเลือกตั้ง เท่ากับสนามการเมืองเปิดแล้ว คุณมีเค้กสิบชิ้น ผู้ชนะจะเอาไปทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้ คุณต้องรู้บ้างว่าคุณแบ่งให้เค้าสัก 3 คุณก็เหลือ เยอะอยู่นะ เพื่อที่จะให้มันมีรูระบายเกิดขึ้น

“ตั้งแต่เราเริ่มต้น ความคิดชี้นำพรรคที่ผมคิด และคุยกันในหมู่แกนนำ คือ เราจะทำให้การเมืองไม่ได้แบ่งประชาชนเป็น 2 ฝ่าย สีเสื้อก็ดี พรรคการเมืองที่สังกัดก็ดี แต่เราจะแบ่งเป็น(พร้อมทำมือเป็นแนวระนาบ) underdog สู้กับ ชนชั้นนำผู้มีอำนาจ ประมาณ 1-2% และคนกลุ่มนี้มีปัญหาหลากหลาย กระจายอำนาจ ความเหลื่อมล้ำ ประมง ที่ดินสภาพแวดล้อม ปัญหาปากท้อง แต่ทั้งหมดเกิดความไม่พอใจสะสม ผมคิดว่าคุณธนาธร มีความสามารถจะดึงประเด็นปัญหาของแต่ละคนมารวม ที่เกิดมาจากระบบการปกครอง ที่เซ็ตมาโดยรัฐธรรมนูญ 60 ขึ้นไปเผชิญหน้ากัน สิ่งสำคัญ ไม่ใช่การแย่งกันเป็นรัฐบาล หรือเป็นฝ่ายค้าน หรือเก้าอี้รัฐมนตรี แต่เรื่องนี้สำคัญกว่า ในอดีตที่ผ่านมา ผุ้มีอำนาจทำได้สำเร็จบ่อยครั้ง ทั้งนี้ ไม่อยากให้ผู้มีอำนาจมองตนและธนาธร ภัยคุกคาม แต่ขอให้มองว่า เป็นปรากฏการณ์ เป็นตัวแทนคนประชาชน ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ จำนวนมาก” นายปิยบุตรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image