เอกชนมองท่องเที่ยวปี’63 ไม่สดใส วอนรัฐกระตุ้นเที่ยวในประเทศตุนตั้งแต่ต้นปี

นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า ทิศทางภาคการท่องเที่ยวในปี 2563 มองว่าไม่ได้ดีกว่าปี 2562 มากนัก หากภาพรวมเศรษฐกิจยังชะลอตัว และปัจจัยเสี่ยงถึงลบของปีนี้ ยังไม่คลายตัว เนื่องจากจะส่งผลกระทบกับบรรยากาศการอยากใช้จ่ายของประชาชน โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งขณะนี้มองภาพการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2563 คาดว่าจะชะลอตัวจนถึงไตรมาส 2 ของปี 2563 เนื่องจากตอนนี้ก็เริ่มเห็นการชะลอตัวของการออกเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อ โดยในส่วนของตลาดในประเทศก็มีปัญหาในเรื่องการใช้จ่าย เพราะเศรษฐกิจที่ชะลอการเติบโต ส่งผลทำให้เงินในระบบมีน้อยลง คนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอยมากเท่าที่ควร สำหรับตลาดต่างชาติ ก็ยังติดปัญหาหลักของค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่ามากอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมจึงยังไม่จูงใจให้น่าเที่ยวมากเหมือนในอดีต

“ในช่วงสิ้นปี การเดินทางในประเทศขณะนี้ การจราจรเริ่มติดขัดแล้วตั้งแค่ช่วงวันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมาโดยประเมินว่าการเดินทางส่วนใหญ่ เป็นการเดินทางกลับภูมิลำเนามากสุด ส่วนการท่องเที่ยวน่าจะเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก เพราะหากประเมินจากยอดจองที่พักตามแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดที่ประชาชนนิยมไปเที่ยวในปีที่ผ่านๆ มา จะเห็นว่าโรงแรมในหลายพื้นที่ยังไม่เต็ม และหากเทียบกับปี 2561 ภาพรวมในปี 2562 มีความคึกคักน้อยกว่ามาก”นายภูริวัจน์กล่าว

นายภูริวัจน์กล่าวว่า ในปี 2563 มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ควรมีออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นตลาดไทยเที่ยวไทย เนื่องจากในปี 2562 มาตรการกระตุ้นต่างๆ ออกมาในช่วงเกือบท้ายปี และเข้ามากระตุ้นเพราะดูทิศทางตลาดต่างประเทศ ดูจะชะลอการเติบโตลง ทำให้มาตรการกระตุ้นไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร โดยสาเหตุที่ต้องกระตุ้นการเดินทางในประเทศไว้ตั้งแต่ต้นปี เพราะมีปัญหาในเรื่องของคนไทยไม่ออกเดินทาง ส่วนสาเหตุก็มาจากหลายปัจจัยเข้ามากระทบผสมกัน บรรยากาศจึงไม่เอื้อกับการท่องเที่ยว จนทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศไม่เกิดขึ้น โดยมาตรการที่จะออกมากระตุ้น ก็อยากให้เน้นตลาดในประเทศ อาทิ การกระตุ้นให้ราชการจัดประชุมในประเทศ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศ

“มาตรการกระตุ้นในช่วงที่ผ่านมา อาจยังไม่ได้จูงใจให้เกิดการท่องเที่ยวได้จริง เนื่องจากเป็นการดูแลและกระตุ้นเฉพาะในเรื่องปัญหาปากท้อง จึงมองว่าในปี 2563 ภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการทัวร์นำเที่ยว ควรร่วมมือกันกระตุ้นด้านการท่องเที่ยว ด้วยการให้ภาครัฐส่งเสริมผู้ประกอบการทัวร์นำเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวจริงๆ เพราะผู้ประกอบการทัวร์นำเที่ยวจะรู้ข้อมูลในเรื่องแหล่งท่องเที่ยวจริงๆ เพราะเป็นอาชีพของคนกลุ่มนี้ จึงมองว่าหากร่วมมือกับผู้ประกอบการทัวร์นำเที่ยวในการกระตุ้นท่องเที่ยวแล้ว น่าจะเห็นผลมากกว่าที่ผ่านมา”นายภูริวัจน์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image