เวลา 11.30 น. วันที่ 2 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,579.84 จุด เคลื่อไหวในแดนบวกที่ระดับ 1,593.27 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 13.43 จุด หรือ 0.85% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,594.3 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,583.18 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 20,115.39 ล้านบาท
โดยนายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการวันแรก หลังจากหยุดทำการซื้อขายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีใหม่ต้อนรับปีเก่า โดยตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากข่าวของประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เตรียมลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกกับจีน ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 15 มกราคม 2563 และจะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งเพื่อเริ่มต้นเจรจาการค้าในเฟสสองต่อไป รวมถึงธนาคารกลางจีนได้เตรียมลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน ในส่วนของอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง (อาร์อาร์อาร์) ลง 0.5% เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่แท้จริง ซึ่งถือเป็นผลบวกต่อบรรยากาศการลงทุน อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่เคลื่อนไหวแข็งค่าสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี โดยอยู่ที่ระดับ 29.8 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหารประกอบกับกระแสเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ที่คาดว่าจะยังชะลอตัวจากช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะกดดันให้ภาวะตลาดผันผวนได้ง่าย จึงแนะนำกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ1,570 – 1,585 จุด
“กลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ เลือกลงทุนในหุ้นรายตัง ได้แก่ หุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จาก สถานการณ์ หรือมาตรการต่างๆ อาทิ PTTEP, TOP, PTTGC, IVL ที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวระดับสูงเหนือ 61 เหรียญต่อบาร์เรล รวมถึงข่าวการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐและจีนในวันที่ 15 มกราคมนี้ด้วย และกลุ่มที่คาดว่างบการเงินในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา จะเติบโตได้ดี อาทิ GPSC, CPF, ERW, SAWAD, MTC, JMT, BCH, CHG ระมัดระวังแรงขายในหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร หลังจากค่าเงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี”นายชัยยศกล่าว
