ททท.ยันโรคปอดบวมระบาดในจีน ยังเข้าไม่ถึงไทย เชื่อมาตรการรับมือเอาอยู่

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดการระบาดของโรคปอดบวมจากเชื้อไวรัสที่ไม่ทราบชนิด ภายในเมืองหวู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น เบื้องต้นในอดีตประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ ในการรับมือกับโรคระบาดจำนวนหลายครั้ง และมาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการเพื่อรับมือกับโรคระบาดก็ได้ผลดีมาโดยตลอด อาทิ โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (ซาร์ส) หรือ ไข้หวัดนก จึงมองว่ายังไม่น่าจะเกิดความวิตกกังวลแต่อย่างใด ในขณะที่การระบาดของโรคดังกล่าว ก็เกิดขึ้นในพื้นที่จำกัด เฉพาะในมณฑลหูเป่ยเท่านั้น รวมทั้งประเทศไทยก็มีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารระหว่างประเทศ ในท่าอากาศยานต่างๆ อาทิ สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เป็นการร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

“ยืนยันว่าการระบาดของโรคดังกล่าว ยังไม่ได้มีความน่าเป็นห่วงมากนัก เนื่องจากมีการเตรียมความพร้อม ในการตรวจตราผู้โดยสารระหว่างประเทศอย่างรัดกุม รวมถึงในช่วงบ่ายวันที่ 5 มกราคม 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งตนเองจะเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อติดตามสถานการณ์ด้วย”นายยุทธศักดิ์กล่าว

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการเติบโตของการท่องเที่ยว คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในระดับ 4-5% ทั้งตลาดต่างชาติและไทยเที่ยวไทย โดยตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ต้องไม่ต่ำกว่า 41 ล้านคน โดบองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ คาดว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค น่าจะเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 7% โดยจากอดีตพบว่า การท่องเที่ยวไทยเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคอยู่แล้ว แม้จะมีการประเมินว่า ภาคการท่องเที่ยวปี 2563 จะโตต่ำสุดในรอบ 6 ปี แต่การเติบโตต่ำก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่ดีเพียงอย่างเดียว หากการเติบโตนั้นเป็นการเติบโตในเชิงคุณภาพ และเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เตรียมมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ภายในเดือนมกราคมนี้ จึงถือเป็นปัจจัยบวกที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ยังสร้างความกังวล ได้แก่ ค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจในประเทศต้นทางหลักมีแนวโน้มไม่สดใส รวมถึงการแข่งขันที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ เข้าประเทศตนเองมีความรุนแรงมากขึ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image