นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงการคลังว่า สั่งการให้หน่วยงานกระทรวงการคลัง ไม่เฉพาะแค่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ให้กำลังติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ว่าเหตุการณ์จะไปทางไหน และมอบให้หน่วยงานต่างๆ เตรียมตัวให้พร้อมหากรัฐบาลเห็นว่าต้องออกมาตรการเสริมมาช่วยเศรษฐกิจ ต้องมีมาตรการพร้อมทันที
“มอบให้ผู้บริหารหน่วยงานกระทรวงการคลัง และแบงก์รัฐไปแล้วว่า ต้องติดตามประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด กระทรวงการคลังต้องมีความพร้อมในการออกมาตรการใหม่ๆ มาดูแลเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องการลงทุน การปฏิรูป ถ้าจะส่งผลดีในระยะสั้นเพื่อดูแลเศรษฐกิจไทย” นายอุตตมกล่าว
นายอุตตมกล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์อิหร่าน สหรัฐมองกันว่าอาจจะมีผลกระทบต่อการส่งออกและกระทบต่อเศรษฐกิจไทยนั้น กระทรวงการคลังต้องจับตามองใกล้ชิด โดยขณะนี้ยังไม่มีการประเมินถึงผลกระทบจะเกิดกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพราะยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์ไปในทิศทางไหน จะยืดเยื้อหรือไม่ ซึ่งขณะนี้เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น หลังจากนี้ทั้งกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาร่วมประเมินตัวเลขจีดีพี
นายอุตตมกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนคลี่คลายและผ่อนคลายลง จะส่งดีต่อไทย แต่ยังวางใจไม่ได้ เพราะขณะนี้มีสถานการณ์อิหร่าน สหรัฐเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องติดตาม ซึ่งในการทำงานของกระทรวงการคลังในปี 2563 มอบนโยบายต่อผู้บริหารคลังไปว่า ต้องเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศ เพราะเรื่องนี้ปั่นทอนการพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ต้องช่วย ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศ ปฏิรูปประเทศ โดยมีเรื่องต้องดำเนินการใน 5 เรื่องคือ 1.ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก 2.สนับสนุนการพัฒนาเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ 3.ขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐและเอกชน 4.ปรับเปลี่ยนกระทรวงการคลังสู่กระทรวงดิจิทัล และ 5.ดูแลสวัสดิการประชาชน
นายอุตตมกล่าวต่อว่า ส่วนปัญหาภัยแล้งสั่งการให้กระทรวงการคลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งการทำงานแก้ปัญหาภัยแล้งจะยึดโยงกับการพัฒนาฐานราก โดยมอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เตรียมข้อมูลที่จะออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร และมอบให้ไปดูเรื่องผ่อนหลายเงินกู้ของกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบแล้ว
