สรท.หวั่นบาทแข็งหนักฉุดส่งออกโตทรุด คาดปี 63 ส่งออกโต 0-1%

นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนพฤศจิกายน 2562 มีมูลค่า 19,657 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 7.4% เทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2561 ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 19,108 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 13.8% ส่งผลให้เดือนพฤศจิกายน 2562 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 549 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหากนับตั้งแต่เดือนมกราคมพฤศจิกายน 2562 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 227,090 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561การนำเข้ามีมูลค่า 218,081 ล้านเหรียญสหรัฐติดลบ 5.2% ส่งผลให้ช่วงเดือนมกราคมพฤศจิกายน 2562 ไทยเกินดุลการค้า 9,009 ล้านเหรียญสหรัฐ

นางสาวกัณญภัคกล่าวว่า สรท.คงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2562 ติดลบ 2.5 – 3% ถึง บนสมมติฐานค่าเงินบาทปี 2562 อยู่ที่ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์การส่งออกปี 2563 เติบโต 0-1% บนสมมติฐานค่าเงินบาท 30.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยหากค่าเงินบาทในปี 2563 แข็งค่ากว่าที่ตั้งสมมติฐานไว้ การส่งออกอาจเสี่ยงติดลบถึง 5% ส่วนสิ่งที่ภาคเอกชนกังวลมากที่สุด ก็เป็นเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะเข้ามาดูแลค่าเงินบาทบ้างแล้วก็ตาม แต่ยังมีโอกาสที่ค่าเงินบาทของไทยในปี 2563 จะแข็งค่าขึ้นอีกได้ โดยหากเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 28 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ก็มีโอกาสที่ส่งออกของไทยจะติดลบถึง 5% ได้ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่แย่สุด

ปัญหาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ภาคเอกชนมีความกังวลเป็นอย่างมาก แม้จะยังไม่เกิดสงครามขึ้นแต่หากรุนแรงและยืดเยื้อ จะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกอย่างมาก โดยในระยะสั้นเป็นผลกระทบต่อต้นทุนการส่งออก เพราะราคาน้ำมันสูงขึ้น บวกกับขณะนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น และหลายฝ่ายมองว่าโอกาสค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีกได้ จึงถือว่าปัจจัยเหล่านี้เป็นปัญหาที่กระทบกับภาคการส่งออกทั้งหมด โดยหากข้อพิพาทดังกล่าวเกิดความรุนแรงมากขึ้น ก็จะทำให้ภาคการส่งออกสินค้าไทยไปทำตลาดในตะวันออกกลางได้ยากขึ้น เพราะได้วางแผนการทำตลาดในตะวันออกกลางไว้แล้ว จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป”นางสาวกัณญภัคกล่าว

นายชัยชาญ เจริญสุข เลขาธิการสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การคาดการณ์เป้าหมายการส่งออกโตอยู่ที่ 0-1% ยังไม่รวมปัจจัยลบในส่วนของค่าเงินบาท ที่ปรับขึ้นมาแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี 6 เดือนหรือความไม่สงบระหว่างสหรัฐและอิหร่าน โดยเป้าที่คาดไว้มองในแง่ของเศรษฐกิจโลก และความต้องการที่หดตัวลงเพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าเท่านั้น ซึ่งแค่มีประเด็นเหล่านี้การส่งออกไทยก็ย่ำแย่แล้ว รวมถึงการนำเข้าสินค้าหรือวัตถุดิบในการผลิตมีแนวโน้มลดลง แสดงให้เห็นถึงสัญญาณบวกที่ยังไม่มีเข้ามา จึงมองว่าไตรมาส 1/2563 การผลิตยังคงมีเท่าเดิมแน่นอน เพราะหากดูตัวเลขการนำเข้าพบว่า เดือนพฤศจิกายน 2562 ออกมาติดลบ และคาดว่าเดือนธันวาคม 2562 ก็คงออกมาติดลบเช่นเดียวกัน ทำให้เดือนมกราคมกุมพันธ์ 2563 คงไม่ได้น่าจะดีกว่าปี 2562 มากนัก

Advertisement

นายชัยชาญกล่าวว่า นอกจากนี้ ผลผลิตภาคการเกษตรลดต่ำลง ซึ่งเป็นผลจากปัญหาน้ำท่วมและภัยแรงรุนแรง จึงคาดว่าสินค้าเกษตรจะมีปัญหาในการแข่งขันด้านราคาแน่นอน โดยเฉพาะหากค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าไปกว่านี้การส่งออกอาจติดลบถึง 5% และสินค้าอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบหนักแน่นอน หากเปรียบเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่แข็งส่งออกไทย โดยประเมินว่าหากค่าเงินอ่อนค่าลงสู่ระดับ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จะดันให้การส่งออกเติบโตได้เพียง 4% เท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ได้ดีขึ้นเท่าที่ควร โดยภาพรวมที่ประเมินยังไม่ได้รวมปัญหาข้อพิพาทสหรัฐและอิหร่าน เพราะหากนำมารวมด้วย เชื่อว่าจะเข้าสู่ภาวะวิกฤตมากกว่านี้ เพราะความมั่นใจในการจับจ่ายสอยใช้สอย และความต้องการจะปรับตัวลดลง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image