นักวิชาการห่วง ‘ประสิทธิภาพ-ความคุ้มค่า’ งบ63 แนะเร่งลงทุนแก้ฝุ่นพิษ PM 2.5

นายชัยธวัช เสาวพนธ์ อดีตผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ในฐานะนักวิชาการอิสระ เปิดเผยถึงกรณีสภาผู้แทนราษฏรผ่านงบประมาณรายจ่ายปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ด้วยมติ 253 เสียง ต่อ 0 เสียง ว่า ภาพรวมการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลดีกว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ยอมหั่นงบกลางมาให้กระทรวง ทบวง กรมมากขึ้น แต่ยังไม่ถูกใจทั้งหมด เนื่องจากงบส่วนใหญ่ยังเป็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ที่เป็นฝ่ายความมั่นคงจำนวนมาก โดยเฉพาะงบจัดซื้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีราคาแพง แต่เป็นห่วงเรื่องประสิทธิภาพและความคุ้มค่า

นอกจากนี้ทางเศรษฐกิจยังประสบปัญหาค่าเงินบาทแข็ง มีเงินคงคลังเหลือมาก จึงอยากให้ลงทุนภูมิภาค และท้องถิ่นมากขึ้น โดยกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศกว่า 8,000 แห่ง โดยจัดสรรงบประมาณตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่กำหนดจัดสรรให้ 35 % โดยเฉพาะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบขนส่งมวลชน สนามบิน แหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม พร้อมถ่ายโอนโรงเรียนไปสังกัดท้องถิ่นมากขึ้น จากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลมุ่งลงทุนพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นหลัก มูลค่า 200,000-300,000 ล้านบาท/ปี อาทิ สนามบิน รถไฟฟ้า ทำให้การพัฒนากระจุกตัว

“ที่สำคัญรัฐบาลต้องลงทุนด้านพลังงานสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงเพื่อลดมลพิษ อาทิ ฝุ่นควัน PM 2.5 ซึ่งการวิจัยพบว่าเกิดจากการเผาไหม้เครื่องยนต์ดีเซลถึง 75 % พร้อมพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเป็นหลัก อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ชลบุรี พร้อมควบคุมการไฟป่าที่เกิดหมอกควันและฝุ่นละอองที่เกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และท่องเที่ยวอย่างมาก โดยเฉพาะภาคเหนือ ที่มีนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 50 %ด้วย”นายชัยธวัช กล่าว

ด้านนายบุญทา ชัยเลิศ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฝ่ายอาเซียนสัมพันธ์ ในฐานะนักวิชาการอิสระ กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณน้อยที่สุด แต่เป็นกระทรวงที่หารายได้เข้าประเทศมากที่สุด หลายรัฐบาลไม่ค่อยให้ความสำคัญท่องเที่ยว หรือรัฐมนตรีที่มากำกับดูแลกระทรวง ไม่เข้าใจบริบท จึงไม่ได้ส่งเสริมและพัฒนาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง แถมยังดึงงบประมาณไปอยู่งบกลางรวมกว่า 200,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโยบายรัฐบาล อาทิ ชิมช็อปใช้ ซึ่งเงินดังกล่าวไหลอยู่กับบริษัทหรือห้างยักษ์ใหญ่กว่า 90 % ที่เป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลแทน ท้องถิ่นและชุมชนได้รับประโยชน์ 10 % เท่านั้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image