เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เทศบาลนครนครราชสีมาได้ติดตั้งสปริงเกลอร์พ่นละอองน้ำทั่วบริเวณลานอนุสาวรีย์ และติดตั้งรอบหลังคาศาลาทรงไทยด้านข้างอนุสาวรีย์ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนที่มากราบไหว้อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี งดจุดธูป เทียน เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองพิษ PM2.5 และ PM10 ภายหลังจากกรมควบคุมมลพิษได้รายงานสถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทย พบว่า ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 3 จุด ใน 3 จังหวัด ที่มีสภาพฝุ่นละอองพิษ PM2.5 อยู่ในระดับสูงเกินค่ามาตรฐาน ระหว่าง 58-81 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ได้แก่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น, ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา และ ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย โดยเฉพาะพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบว่ามีค่าฝุ่นละอองพิษ PM2.5 มากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือถึง 81 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และยังพบค่าฝุ่นละออง PM10 เกินค่ามาตรฐานมากที่สุดเช่นกันถึง 131 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
น.ส.ชนิกานต์ สมิงกล้าทัพ อายุ 18 ปี นักท่องเที่ยวที่มากราบไหว้อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี กล่าวว่า ช่วงนี้ทราบข่าวว่าหลายพื้นที่ของไทยกำลังประสบกับปัญหาฝุ่นละอองพิษ PM2.5 ตนรู้สึกวิตกกังวลกับการใช้ชีวิตประจำวันเหมือนกัน ที่ต้องทนสูดฝุ่นละอองพิษเข้าไปทุกวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางครั้งพยายามหาหน้ากากอนามัยมาสวมใส่เพื่อรักษาสุขภาพ แต่จะให้สวมใส่ทุกวันก็ไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตนัก กรณีที่นำสปริงเกลอร์พ่นละอองน้ำมาติดตั้งที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ตนเห็นด้วย อีกทั้งเห็นว่าทุกคนพร้อมใจกันไม่จุดธูปเทียนในบริเวณนี้ เป็นที่น่าชื่นชม แต่ขณะนี้ค่าฝุ่นละอองพิษในตัวเมืองนครราชสีมาค่อนข้างน่าเป็นห่วง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาวิธีแก้ไขเป็นการเร่งด่วน
