ไทยมีลุ้น!! สหรัฐกับจีน ลงนามข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรก พาณิชย์หวังกระตุ้นส่งออกพลิกบวก

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อานวยการสานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวถึงการลงนามในข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรก (Economic and Trade Agreement between the United States of America and the People’s Republic of China – Phase 1) ระหว่างสหรัฐ และ จีน เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563 ณ ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ ว่า ความตกลงฉบับนี้ครอบคลุมประเด็นเศรษฐกิจการค้าสาคัญ 7 ด้าน ได้แก่ ทรัพย์สินทางปัญญา การถ่ายโอนเทคโนโลยีการขยายการค้า การค้าสินค้าเกษตรและอาหาร บริการ ทางการเงิน นโยบายด้านเศรษฐกิจมหภาคและอัตราแลกเปลี่ยน ตลอดจนการดาเนินการระงับข้อพิพาท

นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวเพิ่มเติมถึงสาระสาคัญของข้อตกลงฯ ว่า ในด้านการขยายการค้าและการค้า สินค้าเกษตรและอาหาร จีนจะซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐ เพิ่มขึ้นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลา 2 ปี (วันที่ 1 ม.ค. 2563 –31 ธ.ค. 2564) ประกอบด้วย สินค้าอุตสาหกรรม มูลค่า 7.77 หมื่นล้าน ดอลลาร์สหรัฐ เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า ยานพาหนะ เหล็ก สินค้าเกษตร มูลค่า 3.20 หมื่นล้านดอลลาร์ เช่น เมล็ดพืชน้ามัน เนื้อวัว หมู ไก่ อาหารทะเล อาหารสัตว์ สินค้าพลังงาน มูลค่า 5.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่น ก๊าซธรรมชาติ น้ามัน ตลอดจนบริการ มูลค่า 3.79 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่น การท่องเที่ยว การประกันภัย และหลักทรัพย์ นอกจากนี้ ข้อตกลงฯ ยังระบุถึงความร่วมมือด้านสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรค การค้าและสนับสนุนการขยายตัวของสินค้าสหรัฐ เช่น ผลิตภัณฑ์นม อาหารทารก สัตว์ปีก เนื้อสัตว์ สินค้า ประมง ข้าว อาหารสัตว์ พืชสวน และผลิตภัณฑ์เกษตรชีวภาพ อีกด้วย

สำหรับประเด็นสาคัญอื่นๆ ของข้อตกลงนั้น จีนจะเพิ่มระดับการคุ้มครองและบังคับใช้กฎหมายต่อการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยจีนต้องเสนอร่างแผนการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาภายใน 30 วัน อีกทั้งจีน จะเปิดตลาดบริการทางการเงิน เช่น บริการธนาคาร การประกันภัย การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้กับ สหรัฐ มากขึ้น

นอกจากนี้ สองฝ่ายตกลงที่จะละเว้นการบังคับถ่ายทอดเทคโนโลยีและการส่งเสริมการลงทุน ในต่างประเทศเพื่อเข้าครอบครองเทคโนโลยีของต่างชาติ และจะละเว้นการดำเนินนโยบายค่าเงินที่สร้าง ความได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินการตามข้อตกลงและการระงับข้อ พิพาทนั้น สองฝ่ายจะจัดตั้งคณะทางานด้านกรอบการค้า (Trade Framework Group) เป็นเวทีของผู้แทน ระดับสูงเพื่อหารือการดำเนินการตามข้อตกลงฯ รวมทั้งจะจัดตั้งสานักงานประเมินและระงับข้อพิพาท (Bilateral Evaluation and Dispute Resolution Office) เพื่อหารือ ติดตาม และประเมินการดำเนินการตามข้อตกลงฯ ตลอดจนแก้ไขปัญหา อุปสรรค กำหนดกรอบเวลาและขั้นตอนการระงับข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

Advertisement

นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวอีกว่า การลงนามข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรกระหว่างสอง ประเทศมหาอานาจอย่างสหรัฐ และจีน นับเป็นข่าวดีต่อประเทศไทย เนื่องจากเป็นสัญญาณบวกชี้ให้เห็น ถึงแนวโน้มความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2562 สหรัฐ ได้ปรับลดภาษีสินค้าสหรัฐ กลุ่ม 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลืออัตรา 7.5% (จากเดิม 15%) และชะลอการเก็บภาษีสหรัฐ เพิ่มเติม ตลอดจนเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 สหรัฐ ปรับสถานะประเทศ จีนด้านค่าเงินให้ดีขึ้น โดยยกเลิกการขึ้นบัญชีดาจีนในฐานะประเทศบิดเบือนค่าเงิน (US currency manipulator list) เหลือแค่การอยู่ในกลุ่มประเทศที่เฝ้าจับตา (watch list) ซึ่งสัญญาณบวกเหล่านี้เมื่อประกอบกันแล้ว จะช่วยลดแรงกดดันและสร้างบรรยากาศการค้าโลกให้ดีขึ้น และเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักธุรกิจนักลงทุน สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ประเมินว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทย โดยเฉพาะสหรัฐ น่าจะได้อานิสงส์จากสถานการณ์ดังกล่าว และเมื่อเสริมกับพื้นฐานสินค้าและตลาดส่งออกของไทยที่ดีและมีความหลากหลาย จะเป็นแรงเสริมให้กับการค้าและการส่งออกของไทยโดยภาพรวม นอกจากนี้ ข้อตกลง ระยะแรกไม่ได้ระบุเงื่อนไขให้จีนลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ ไทยจึงควรเร่งใช้โอกาสในการทดแทนสินค้า สหรัฐ ต่อไป โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยสามารถทดแทนสินค้าสหรัฐ ในตลาดจีนได้ดี เช่น อาหารทะเลแช่แข็งและ แปรรูป อาหารแปรรูป เครื่องดื่ม สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เครื่องประดับ และเครื่องสาอาง

นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า ในประเด็นที่บางส่วนมีความกังวลว่าสินค้าบางกลุ่มอาจเผชิญการแข่งขันสูงขึ้นในตลาดจีนนั้น สนค. ตั้งข้อสังเกตว่า สินค้าภายใต้ข้อตกลงที่จีนต้องซื้อเพิ่มจากสหรัฐ หลายรายการ สอดคล้องกับความต้องการ ของจีนและยังมีช่องว่างสาหรับสินค้าจากประเทศอื่นๆ ได้แก่ อาทิ เนื้อสัตว์ ฝ้าย อาหารทะเล ยาและเวชภัณฑ์ อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ และถ่านหิน ขณะที่ สินค้าอุตสาหกรรม อาทิ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ และส่วนประกอบ อาจเผชิญการแข่งขันมากกว่ากลุ่มข้างต้นจากปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การเปลี่ยนผ่านของ เทคโนโลยี และการพัฒนา/ควบคุมมาตรการการผลิต ซึ่งแม้ว่าโดยส่วนใหญ่สินค้าไทยยังมีความได้เปรียบสินค้า ประเทศอื่นในตลาดจีน สะท้อนจากดัชนี Revealed Comparative Advantage (RCA) แต่ก็ไม่ควรละเลยการ รักษาตลาดและเร่งปรับตัวให้ทันกับปัจจัยรอบด้านที่กาลังเผชิญอยู่ขณะนี้

“สนค.จะศึกษารายละเอียดสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ เพื่อประเมินผลกระทบและชี้ช่องโอกาสการ ส่งออกเพิ่มเติม ให้สอดรับนโยบายและมาตรการเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์ในการรุกตลาดเดิม ขยายตลาด ใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่า รวมทั้งการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ และเดินหน้าขยาย FTA กับคู่ค้าศักยภาพ รวมทั้ง จะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการดำเนินการตามข้อตกลงระยะแรก และการหารือ ประเด็นสาคัญเชิงโครงสร้างอื่นๆ ที่จะอยู่ในข้อตกลงระยะถัดไป (Phase Two) เช่น การอุดหนุนรัฐวิสาหกิจ การคุกคามทางไซเบอร์ การเลือกปฏิบัติต่อการค้าดิจิทัล ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความท้าทาย และอาจถูกใช้ในการรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อไป” นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image