‘นักวิชาการ’ หวั่น ดีลเทรดวอร์ทำบาทแข็งโป๊ก ส่งออกช้ำหนักไม่กระเตื้อง

นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยถึงสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน (เทรดวอร์) ที่เริ่มผ่อนคลาย ว่า กรณีดังกล่าวอย่างน้อยจะทำให้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าชะลอตัวลง เนื่องจากสงครามการค้ายังอยู่ เพียงแต่เป็นการพักรบ โดยกรณีนี้มีบางส่วนที่จะมีการลดกำแพงภาษี เช่น สหรัฐมีการปรับลดกำแพงภาษีในส่วนของจีน จากอัตรา 15% เหลือ 7.5% ในวงเงิน 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้บรรยากาศการค้า รวมถึงเศรษฐกิจโลก อย่างน้อยก็เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นบ้าง แต่เล็กน้อยเท่านั้น

นายสมชาย กล่าวว่า ทั้งนี้ เนื่องจากสงครามการค้ายังมีอยู่ ข้อดีก็คือ จะทำให้นักลงทุน ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่ม ได้แก่ บริษัทจีน บริษัทที่ไปลงทุนในจีน และผู้ที่ในระยะแรกไปลงทุนในจีน พยายามที่จะหาทางออก โดยการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพื่อให้มีแหล่งกำเนิดที่ไม่ใช่ประเทศจีน และเพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีที่ค้างอยู่ เพราะกรณีนี้สหรัฐปรับลดกำแพงภาษีเพียง 1 ใน 4 ของยอดทั้งหมดเท่านั้น ยังมีอีก 3 ใน 4 ฉะนั้น จึงเป็นข้อดีที่จะมีการย้ายฐานการผลิต ขณะเดียวกัน ก็จะส่งผลให้บรรยากาศการค้าดีขึ้น โดยจะเห็นได้จากตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีผลกระทบเชิงลบของความไม่แน่นอนของสถานการณ์สงครามการค้า ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความปั่นป่วน โดยเฉพาะความไม่แน่นอนในตลาดหุ้น และที่สำคัญคือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากสงครามการค้ายังมีอยู่ โดยความไม่แน่นอนนี้จะทำให้ผู้คนหันเห เพื่อนำเงินไปลงทุนในที่ที่ปลอดภัย ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความปลอดภัย เนื่องจากมีเสถียรภาพ โดยมีเงินทุนสำรองสูงกว่ามีหนี้สิน ฉะนั้น จึงจะส่งผลให้เกิดการแข็งตัวของค่าเงินบาทเพิ่มขึ้นได้จึงต้องระวัง

ส่วนสถานการณ์การส่งออกหากจะดีขึ้นก็ดีขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ ต้องระวังผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์สงครามการค้าด้วย เนื่องจากจีนต้องนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ มูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ใน 2 ปี ฉะนั้น สินค้าบางตัวที่ไทยส่งออกไปยังจีนหากเป็นประเภทเดียวกันกับของสหรัฐ ก็จะได้รับผลกระทบ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก ซึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบมาก ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศบราซิล และอาร์เจนตินา

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image