ชาวบ้านเดินเท้าสำรวจโบราณสถาน พบ ‘เจดีย์-แนวกำแพงโบราณ’ วอนกรมศิลป์เร่งตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่จังหวัดสงขลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มคนนาป๋องรักษ์เขาควนเจดีย์ บ้านนาป๋อง ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ร่วมกับตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่และเครือข่ายภาคประชาชนกว่า 50 คน ร่วมกันเดินเท้า ขึ้นไปยังเขาควนเจดีย์ ในพื้นที่หมู่ 7 ตำบลพะวง อ.เมือง ซึ่งเป็นภูเขาขนาดย่อม มีความสูงชัน ต้องใช้วิธีการเดินเท้าเกือบ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาไป-กลับ 2 ชั่วโมง หลังจากทราบว่า ด้านบนยอดเขานั้น มีลักษณะเป็นวัดโบราณ เพราะพบเจดีย์โบราณ มีลักษณะปรักหักพัง มีป้อมปราการ และแนวกำแพงโบราณ โดยจากการเดินเท้าขึ้นไปสำรวจพบว่า ด้านล่างของเขาเป็นสวนยางพารา ส่วนเมื่อเดินสูงขึ้นไปเป็นป่าสมบูรณ์ และมีป่าไม้พลองหมื่นต้น ซึ่งถือเป็นป่าไม้พลองที่สมบูรณ์แห่งเดียวของประเทศ
เมื่อไปถึงบนยอดเขา พบลานหินขนาดใหญ่ เป็นยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม เมื่อเดินขึ้นไปเล็กน้อยพบพระเจดีย์ ที่มีลักษณะทรุดเสียหาย จากการตรวจสอบเบื้องต้นด้วยสภาพอิฐและการก่อสร้าง เบื้องต้นคาดว่าเป็นอิฐที่ใช้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือประมาณ 500 ปีมาแล้ว นอกจากนั้นยังพบว่าบนกำแพงหิน มีต้นกล้วยไม้ขึ้นอยู่ ซึ่งคาดว่าเป็นกล้วยไม้โบราณ ที่อยู่คู่กับกำแพงแห่งนั้นมาตั้งแต่โบราณ ทั้งนี้กลุ่มชาวบ้านที่เดินขึ้นเขาควนเจดีย์ มีทั้งผู้สูงวัย อายุ 75 ปี มาจนถึงเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ต่างตื่นเต้นยินดี ที่พบโบราณสถานมากมายและอยากให้กรมศิลปากร เข้ามาช่วยตรวจสอบว่า เป็นโบราณสถานสมัยใด มีประวัติความเป็นมาอย่างไร เพื่อที่จะได้ร่วมกันบูรณะรวมถึงพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต่อไป
นายจวน ไชยศรี อายุ 75 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า เมื่อตนจำความได้ พ่อก็เล่าให้ฟังว่ามีเจดีย์โบราณอยู่บนเขาแล้ว โดยมีพระสงฆ์ไปจำวัดและทำกิจของสงฆ์อยู่ แต่ก่อนหน้านั้นก็ทราบว่ามีเจดีย์โบราณและมีสถานที่คล้ายวัด หรือเมืองโบราณอยู่ก่อนมาหลายร้อยปีแล้ว อยากให้กรมศิลปากรรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลว่า โบราณสถานแห่งนี้นั้นมีอายุกี่ร้อยปี เพื่อที่จะได้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นเรื่องที่ชาวบ้านยินดีอย่างมากที่พบเจอโบราณสถานแห่งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องเล่าว่า มีชาวบ้านบางรายที่ได้ขึ้นไปแล้วนำเอาช้อน จาน ไปจากเจดีย์ ทำให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น บางคนถึงกับเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ จนต้องนำกลับมาคืนไว้ที่เดิม
นายสัญญา วัชรพันธุ์ ประธานศูนย์สวัสดิการประชาชนจังหวัดสงขลา กล่าวว่า การสำรวจในครั้งนี้เป็นความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในพื้นที่ เมื่อพบเจดีย์โบราณ พบกำแพงโบราณ และมีหินขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นป้อมปราการ ซึ่งอาจจะเป็นวัด หรือเมืองเล็กๆ ที่มีลักษณะเป็นเมืองหน้าด่านทางการรบในสมัยโบราณ ซึ่งจากมองอิฐที่ใช้นั้นคาดว่ามีอายุไม่น้อยกว่า 500 ปี ซึ่งหลังจากนี้จะทำการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมศิลปากร ให้เในอนาคต ข้ามาตรวจพิสูจน์ ว่าโบราณสถานแห่งนี้มีอายุเท่าไหร่ มีประวัติศาสตร์อย่างไร เพื่อนำมาเป็นเรื่องเล่า นำไปสู่การพัฒนาทางการท่องเที่ยว โดยตนมองว่า จะสามารถพัฒนาได้ เพราะมีจุดขายทางประวัติศาสตร์ ทางวัฒนธรรม และการผจญภัย เพราะต้องเดินเท้า มีลานหิน มีหินขนาดใหญ่เป็นป้อมปราการ มีทิวทัศน์ทะเลหมอกแม้ในยามเที่ยง ซึ่งสามารถต่อยอดทางการท่องเที่ยวพัฒนาชุมชนได้ในระดับหนึ่ง
