”สมคิด” ฟิต นั่งหัวโต๊ะประชุมทีมขับเคลื่อนลงทุนนัดแรกพรุ่งนี้ สั่งกรุงไทยลดดอเบี้ยแก้หนี้ข้าราชการ จี้คลังสำรองแผนแก้งบ”63ล่าช้า

เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ นานาเหนือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานของธนาคารกรุงไทย โดยนายสมคิด เปิดเผยว่า ขณะนี้กรุงไทยมีการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลและนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าและกรุงไทยยังเป็นเสาหลักที่ผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างจริงจัง ผ่านการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้กับโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น ชิมช้อปใช้ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สวัสดิการผู้สูงอายุ คนพิการ เด็กแรกเกิด เป็นต้น ปัจจุบันมีฐานข้อมูลครอบคลุมกว่า 32 ล้านคน คิดเป็น 47% ของประชากรทั้งประเทศ หากสามารถพัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติมภายใต้บิ๊กดาต้าภาครัฐจะสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อนำไปทำนโยบายต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดค่าใช้จ่าย สร้างยุทธศาสตร์ใหม่ ๆ ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด ทั้งผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) เป็นต้น สำหรับเรื่องที่ฝากให้กรุงไทยดำเนินการ คือ การให้ความช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี และให้มีการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการ

“ในภาวะที่เศรษฐกิจตึงตัวและร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563(งบประมาณปี 2563) ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้กรุงไทยช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี และร่วมหารือธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อขยายปริมาณเงินหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ ทั้งนี้ อยากให้ขอความร่วมมือให้ลดภาระค่าใช้จ่ายผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการ ซึ่งเรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฝากไว้นานแล้ว เพราะภาระหนี้หนักหน่วง อยากให้มีการผ่อนปรน โดยให้ธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสินศึกษาร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไร เขารู้ผมอายุมากแล้ว ใจร้อน คาดว่ารายละเอียดต่าง ๆ น่าจะออกมาเร็วๆ นี้” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวถึงความกังวลงบประมาณปี 2563 ที่อาจจะล่าช้าออกไปกว่าเดิมว่า ได้หารือร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อเตรียมแผนสำรองรองรับทั้งภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและสถานการณ์ต่างๆ แต่ยังไม่อยากให้มองโลกในแง่ร้ายแต่อยากเตือนว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่ ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่จะต้องคิดถึงส่วนรวม ขณะนี้งบประมาณปี 2563 ช้าอยู่แล้วแต่อยากให้ล่าช้าน้อยที่สุด เพราะมีผลต่อเม็ดเงินลงทุนของรัฐที่เบิกจ่ายไม่ได้ อย่างไรก็ดี ได้มีการเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ มีการเร่งโครงการลงทุน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะมีมาตรการสนับสนุนให้เอกชนลงทุนมากขึ้น

Advertisement

นายสมคิด กล่าวถึงการเร่งรัดการลงทุนหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุนว่า แม้ว่าจะไม่มีการแต่งตั้งก็มีการดำเนินการเร่งรัดการลงทุนอยู่แล้ว ปัจจุบันถือว่าเป็นการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีการเร่งรัดให้โครงการลงทุนต่าง ๆ ให้ออกมา และติดตามรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบต่อไป ซึ่งปัจจุบันทุกคนรู้สภาพต้องร่วมมือกันผลักดัน ในส่วนของธปท. ก็ได้มีความผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งการผ่อนปรนเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย(มาตรการแอลทีวี) หลังจากนี้อาจจะผ่อนคลายเรื่องอื่นตามมา ซึ่งหากมีประเด็นอะไรติดขัดอยากให้กรุงไทยสะท้อนข้อมูลออกมาเพราะเป็นธนาคารขนาดใหญ่ ทั้งนี้ ด้านอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงก็สามารถลดลงมาได้

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า งบประมาณปี 2563 อยู่ในกระบวนการกำลังดำเนินการ ด้านกระทรวงการคลังในฐานะหน่วยงานของรัฐจะติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งยังไม่ทราบว่าจะไปในทิศทางใด ซึ่งขณะนี้ได้ให้หน่วยงานของกระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางเลือกต่าง ๆ รองรับไว้อยู่แล้วเพื่อนำเสนอรัฐบาล คาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการลงทุน โดยสำนักงบประมาณได้แจ้งให้หน่วยงานต่าง ๆ เตรียมการจัดซื้อจัดจ้างก่อนหน้า สามารถออกทีโออาร์เตรียมรอไว้ได้ เมื่องบมาณประจำปีผ่านออกมาก็สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้เลย ทั้งนี้ ในวันที่ 23 มกราคม ช่วงบ่ายจะมีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุนนัดแรก ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน เพื่อติดตามและเร่งรัดการลงทุนออกมา

Advertisement

“ถ้าใช้งบประมาณปี 2563 ยังไม่ได้ ก็มีการดูแนวทางอยู่แล้ว เช่น ถ้ามีเหตุการเช่นนี้จะสามารถบริหารจัดการได้หรือไม่ ทั้งในส่วนงบลงทุนและงบประจำ ซึ่งหากเป็นงบประจำสามารถใช้ตามงบประมาณปีก่อนหน้าซึ่งยืนยันว่าไม่กระทบกับการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ส่วนงบลงทุนใหม่นั้น อยู่ระหว่าหารือกับสำนักงบประมาณ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลด้านกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างให้ถูกต้อง จะมีมาตรการที่เหมาะสมออกมาและเชื่อว่างบประมาณจะใช้ได้แน่นอนแต่จะออกมาในรูปแบบไหน เพราะอยากให้ใช้ได้เร็วสุด เบิกจ่ายเร็วสุด แต่ประเทศก็มีกระบวนการต้องดำเนินการ อยู่ที่สภาฯ ว่าจะดำเนินการไปอย่างไร” นายอุตตม กล่าว

นายอุตตม กล่าวว่า ด้านการปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการเป็นเรื่องที่มีการคิดกันอยู่ระดับหนึ่ง เพราะกระทรวงการคลังดูแลทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน ก่อนหน้านี้มีการให้ความช่วยเหลือกลุ่มอื่นไปแล้ว ในส่วนของภาคการเงิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ซึ่งมีหนี้ของบุคลากรภาครัฐอยู่จำนวนมากจะมีแนวทางอะไรพิจารณาช่วยเหลือได้หรือไม่ ส่วนความคืบหน้าบัตรสวัสดิการแห่งรับรอบใหม่ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการพิจารณาหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่างๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วง 1 เดือนนี้ และจะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมตรี(ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบต่อได้

ด้านนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการจะดำเนินการอย่างไรนั้น เพิ่งได้รับโจทย์มาจะนำไปคิดและพิจารณาร่วมกับธนาคารของรัฐอื่น ๆ ซึ่งต้องดำเนินการร่วมกันและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ด้านแนวคิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น ได้มีการพูดถึงการประชุมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ที่ผ่านมา ซึ่งหน่วยงานระหว่างประเทศมีการเสนอให้ใช้นโยบายผ่อนคลายหากสามารถผ่อนคลายภายใต้ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ในส่วนของไทยนั้น หากเป็นดอกเบี้ยของระบบการเงินเป็นกลไกทางการเงินที่ ธปท. ดูแลอยู่ ส่วนดอกเบี้ยที่ธนาคารกำหนด เช่น ดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี(MLR) ดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี(MRR) ปัจจุบันธนาคารปรับลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าอยู่แล้ว เพื่อช่วยประคองและลดภาระให้เอสเอ็มอีและประชาชนในภาวะที่เศรษฐกิจตึงตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือครม.สัญจร ที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุน โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อเร่งรัดการขับเคลื่อนการลงทุนและการค้าในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว ทั้งนี้นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดของคณะกรรมการฯว่านอกจากรองนายกฯที่นายกฯมอบหมายเป็นประธานแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นรองประธาน และมีกรรมการประกอบด้วยรัฐมนตรีจากกระทรวงเศรษฐกิจ 5 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) กระทรวงอุตสาหกรรม รวมถึงนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปลัดกระทรวงต่างประเทศ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) รองเลขาธิการ สศช. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image