กรอ.ดึงโรงงานฯแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม2.5 ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล หวังประหยัดต้นทุน640ล้านบ.
นายศุภกิจ บุญศิริ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรอ. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และภาคเอกชน ได้ลงพื้นที่ตรวจบริษัท โปลิโฟมอุตสาหกรรม จำกัด ตั้งอยู่ที่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานที่เข้าร่วมโครงการนำร่องในโครงการ เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สำหรับหม้อน้ำและหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน ด้วยวิธีการตรวจวัด ประเมิน วิเคราะห์ประสิทธิภาพด้านความร้อน ปรับปรุงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านความร้อน เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และลดฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 ของโรงงานในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามนโยบายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เป็นห่วงต่อสถานการณ์ดังกล่าวอย่างมาก เพราะกังวลจะกระทบต่อปัญหาสุขภาพของพี่น้องประชาชน และบรรยากาศการลงทุนของประเทศไทย
“ภายหลัง บริษัท โปลิโฟมอุตสาหกรรม เข้าโครงการสามารถลดการเกิดฝุ่นละออง ลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก พีเอ็ม2.5 ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุการเกิดฝุ่นในภาคอุตสาหกรรม และเป็นการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน”นายศุภกิจกล่าว
นายศุภกิจ กล่าวว่า ปัจจุบันในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการใช้งานหม้อน้ำ 1,736 เครื่อง หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน 838 เครื่อง ดำเนินการปรับแต่งเครื่องแล้ว 51 โรงงาน อุปกรณ์การเผาไหม้ 173 เครื่อง หากสถานประกอบการโรงงานทั้งหมดร่วมกันปรับแต่งการเผาไหม้ตามโครงการฯ นี้ มั่นใจจะลดต้นทุนด้านเชื้อเพลิง และลดการปลดปล่อยฝุ่นละออง พีเอ็ม2.5 จากการเผาไหม้ออกสู่บรรยากาศได้ 1 – 3 % และช่วยประหยัดต้นทุนคิดเป็นเงินประมาณ 640 ล้านบาทต่อปี
นายศุภกิจ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันพบว่าภาคอุตสาหกรรมใช้พลังงาน 28,459 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็น 35.2% จำนวนนี้ใช้ช้พลังงานในหม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนอุปกรณ์การเผาไหม้อื่น ๆ กว่า 10,000 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ จากจำนวนอุปกรณ์กว่า 15,000 เครื่องทั่วประเทศ ดังนั้น กรอ. จะดำเนินโครงการฯต่อเนื่อง
ด้านนายวัฒนา ทองเหว่า ผู้จัดการบริษัท โปลิโฟมอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาบริษัทฯ เข้าร่วมโครงการของกรมโรงงานอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และยินดีเข้าร่วมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหา พีเอ็ม2.5 ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และยังช่วยเพิ่มศักยภาพของโรงงาน ลดต้นทุนการผลิต ช่วยประหยัดพลังงาน
