นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า จากกระแสที่มีการพูดถึงการยกเลิกวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ต้องบอกว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ออกเดินทางเพิ่มเติมอยู่แล้ว รวมถึงมีบางส่วนอยู่ระหว่างการเดินทางกลับด้วย ทำให้การพูดถึงเรื่องดังคงไม่ได้มีความจำเป็นต้องนำมาเป็นประเด็นในการหารือขนาดนั้น. เพราะจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนเกิดความรู้สึกในเชิงลบกับประเทศไทยอีกครั้ง เนื่องจากอาจสะท้อนถึงการไม่ต้อนรับอจนทำให้เสียความรู้สึกกันไป ซึ่งสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการต่อจากนี้คือ การสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้กลับเข้ามามากขึ้น และชดเชยนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปในบางส่วนด้วย โดยจากแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ที่สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดในช่วงวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 7,711 คน จำนวนผู้เสียชีวิต 170 คนทั่วโลก ซึ่งยังถือว่าเป็นอัตราที่น้อยมาก หากเทียบกับอัตราการเสียชีวิตจากโรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อาทิ โรคซาร์สหรือเมอร์ส ที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่ามาก
“หากไม่มีการเดินทางเข้ามาเพิ่ม และบางส่วนทยอยเดินทางกลับ จะทำให้ตัวเลขเริ่มนิ่ง จึงเชื่อว่าภายใน 10 วันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อในประเทศไทย จะเริ่มเข้าสู่ช่วงหยุดนิ่งจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง จากการเดินทางออกนอกประเทศไทยมากขึ้นเป็นลำดับ และเชื่อว่าภายในเวลา 3 เดือน สถานการณ์ต่างๆ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ซึ่งมองว่าตอนนั้นนักท่องเที่ยวจีนคงจะสามารถออกเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ ขณะนี้แม้ภาคเอกชนจะได้รับผลกระทบ แต่ประเทศไทยก็เคยเผชิญสถานการณ์เช่นนี้มาหลายครั้ง และผ่านมาได้ทุกครั้ง ซึ่งขณะนี้หน่วยงานภาครัฐก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ รวมถึงมีหลายธนาคารพาณิชย์ที่เริ่มประกาศนโยบายช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวผ่านนโยบายพักชำระเงินต้นระยะเวลา 6 เดือน เหลือให้จ่ายเพียงดอกเบี้ยเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาเอกชนได้หารือกับทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในเรื่องมาตรการเยียวยาต่างๆ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งเรื่องมาตรการสินเชื่อและภาษี โดยอาจสามารถเลื่อนเวลาจ่ายภาษีออกไป หรือสามารถลดภาษีได้ในบางกรณี ซึ่งทางภาครัฐต้องนำไปพิจารณาอีกครั้ง รวมถึงยังหารือแนวทางที่จะให้ผู้ประกอบการทัวร์สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้นด้วย”นายวิชิตกล่าว
นายวิชิตกล่าวว่า หลังจากภาคเอกชนได้มีการประชุมหารือระหว่างกันแล้ว พบว่า นอกจาผู้ประกอบการจะได้รับผลกระทบจากโรคระบาดและปัจจัยกดดันอื่นๆ แล้ว ยังถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมยกเลิกการจองจากโรงแรมเพิ่มอีก ทำให้ต้องแบกรับภาระมากขึ้น ซึ่งเอกชนจะจัดทำรายละเอียดเพื่อนำเสนอต่อสมาคมโรงแรมไทย ในการขอผ่อนปรนหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมในการยกเลิกการจองให้กับผู้ประกอบการ ที่ประสบปัญหาจากการหายไปของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงการระบาดของโรคดังกล่าวต่อไป สำหรับมาตรการกระตุ้นตลาดจากภาครัฐ เอกชนได้เสนอแนะให้ออกมาตรการกระตุ้นตลาดในช่วงเวลาหลังจากนี้ ทั้งการกระตุ้นนักท่องเที่ยวจากตลาดอื่นๆ อาทิ อาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และอินเดีย รวมถึงการขยายมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองออกไป หากไม่สามารถขอมาตรการยกเว้นวีซ่าหรือค่าธรรมเนียมวีซ่าได้ รวมถึงการกระตุ้นการจับจ่ายผ่านมาตรการชิม ช้อป ใช้ เวอร์ชั่นอินเตอร์ ซึ่งเชื่อว่าจะมีความคุ้มค่ากับต้นทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนมีการใช้จ่ายระหว่างเดินทางท่องเที่ยวสูงกว่า 50,000 บาทต่อคน อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวไทยยังมีการแข่งขันสูงขึ้น และมีคู่แข่งที่เร่งทำตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อชิงฐานลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งประเทศเก่าและใหม่ อาทิ เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี และสหรัฐอาหรับเอมิเรต