สธ.รอไฟเขียวจากจีน บินไปรับคนไทยในอู่ฮั่น ย้ำการตัดสินใจภาวะฉุกเฉินแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับคณะผู้บริหาร

ความคืบหน้าการเดินทางไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่นและการเตรียมรับมือของประเทศไทยภายหลังองค์การอนามัยโลก(WHO) ประกาศให้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ(Public health Emergency of international Concern) รวมไปถึงท่าทีของประเทศมหาอำนาจที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินในประเทศแล้ว ไทยจะมีมาตรการอย่างไรต่อไป

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การที่องค์การอนามัยโลกประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศเป็นไป เพื่อการจัดการบริหารภายในขององค์การอนามัยโลก เพื่อที่การสนับสนุนประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่อ่อนแอให้จัดเตรียมการรับมือกับการระบาดของโรค สำหรับประเทศที่มีความเข้มแข็งด้านสาธารณสุขอยู่แล้วทางองค์การอนามัยโลกก็จะไม่เข้ามามีบทบาทมากนัก รวมถึงเพื่อเป็นการระดมทรัพยากรจากหลายแหล่งพร้อมทั้งประสานความร่วมมือในหลายหน่วยงานในการช่วยแก้ปัญหาในพื้นที่ที่คาดว่าจะเกิดปัญหา ดังนั้นการประกาศภาวะฉุกเฉินไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย

“เราตรวจคัดกรองในส่วนของด่านหน้าสุดเพื่อทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวทุกคน ขอความร่วมมือกับผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้นำทัวร์ โรงแรมที่รับนักท่องเที่ยว ให้ช่วยสอดส่องเป็นมาตรการที่เข้มข้นมากๆแล้ว หากเรายังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอยู่ก็ยังเป็นภาระที่เราจะต้องตรวจและรับความเสี่ยง แต่เราจะต้องจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม หากความเสี่ยงลดลงก็จะเป็นเรื่องที่ดี หากเราคิดว่ามาตรการเหล่านี้จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดในประเทศได้เราก็จะยังอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ แต่หากพบว่าเราได้รับความรับความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวต่ำมาก มันทำให้ประเทศมีความเสี่ยงสูงมากขึ้น ผมเข้าใจว่าผู้บริหารประเทศคงจะมีวิธีคิดในการจัดการความเสี่ยงแตกต่างกันออกไป” นพ.ธนรักษ์ กล่าว

เมื่อถามว่าการเฝ้าระวังของประเทศไทยมีความจำเป็นในการประกาศภาวะฉุกเฉินเหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริการหรือไม่ นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราวิเคราะห์ความสี่ยงอย่างไรและจะจัดการอย่างไร ซึ่งทางสหรัฐอเมริกาก็คงวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงของเขาหากมองว่าไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาร่วมด้วย ส่วนของประเทศไทยมีความเสี่ยงเรื่องสุขภาพและด้านอื่น เราจะต้องวิเคราะห์ความเสี่ยงร่วมกัน

Advertisement

“ข้อเสนอทางฝ่ายสาธารณสุขเราเสนอไปอย่างไร ก็เสนอไป แต่เวลาการตัดสินใจก็จะวิเคราะห์เรื่องความเป็นไปได้เรื่องทุกอย่าง เขาก็ตัดสินใจแบบหนึ่ง ก็ตามนั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้เราไม่วางพื้นฐานการตัดสินใจของเราเพียงเพราะประเทศนั้น ประเทศนี้ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ อยากให้พวกเราเข้าใจว่า เราตัดสินใจเพียงเพราะว่าเราเข้าใจว่าความเสี่ยงของเราเป็นอย่างไร ความเสี่ยงพวกนี้เรารับได้ไหม ถ้าเรารู้สึกว่าความเสี่ยงของเราเปลี่ยนไปเราจะจัดการกับมันอย่างไร เราจะเปลี่ยนท่าทีในการจัดการความเสี่ยงพวกนี้หรือเปล่ามากกว่า กับข้อมูลทุกอย่างที่เรากำลังเผชิญอยู่ เราก็นำเสนอตรงกับผู้บริหารประเทศอยู่แล้ว ทีมผู้บริหารประเทศคงต้องตัดสินใจต่อไปว่าจะจัดการความเสี่ยงพวกนี้ต่อไปอย่างไร เรื่องบางเรื่องไม่ได้อยู่ที่การตัดสินใจของ สธ. ถ้าถามความเห็นส่วนตัวของผม ผมก็ตอบความเห็นส่วนตัวของผมได้ ดังนั้นคนที่มีอำนาจตัดสินใจจริงๆ คงต้องพิจารณาทุกเรื่องเข้าด้วยกัน ในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ทางทีมบริหารจัดสินใจอย่างเรา เราก็พร้อมที่จะทำงานเพราะเราอยู่ทีมเดียวกัน” นพ.ธนรักษ์ กล่าว

นอกจากนี้ นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า การนำคนไทยที่ติดค้างอยู่ในเมืองอู่ฮั่นกลับมายังประเทศไทย ขณะนี้รัฐบาลก็ได้มีความพยายามอย่างเต็มที่โดยกรมการกงสุลได้ประสานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการนำคนไทยจำนวนนี้กลับมา โดยยืนยันว่า สธ.พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามมาตรฐานการเฝ้าระวังการควบคุมโรคในระดับที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แต่จากการตรวจสอบติดตามจากกระทรวงการต่างประเทศยังไม่พบว่ามีผู้ที่มีอาการป่วย ส่วนในเรื่องของวันและเวลาจะต้องรอการยืนยันจากรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศต่อไป ซึ่งในส่วนของ สธ. ได้มีการเตรียมการตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง และเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ครอบคลุมทั้งเรื่องอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติภารกิจ การประสานงานระหว่างทีมแพทย์ไทยและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การเตรียมการจุดคัดกรองเมื่อมาถึงสนามบินในประเทศไทย มีการตรวจคัดกรองผู้โดยสารทุกคนก่อนขึ้นเครื่อง และเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ในกรณีที่ตรวจพบผู้โดยสารมีอาการป่วยเข้าเกณฑ์ต้องเฝ้าระวังจะมีการลำเลียงไปยัง รพ.ที่กำหนดด้วยมาตรฐานการควบคุมโรคสูงสุด ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการจะมีการตรวจคัดกรอง เฝ้าระวังโรคอย่างเข้มข้นโดยทีมแพทย์ ติดตามต่อเนื่องไปจนครบกำหนด 14 วัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image