‘พิพัฒน์’ รับโคโรนาฉุดท่องเที่ยวไทยวูบ สูญรายได้ 3 แสนลบ.

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 ว่า ขณะนี้กระทรวงฯได้หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งคาดว่าจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวไทยสูญเสียรายได้กว่า 300,000 ล้านบาท โดยกระทรวงฯได้ของบประมาณกลาง จากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.ศก.) จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการกระตุ้นการท่องเที่ยว และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อไป

“หากเหตุการณ์สามารถยุติการแพร่ระบาดได้ภายในเดือนมีนาคม 2563 การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ คาดว่าจะใช้เวลาจนถึงเดือนกรกฎาคม 2563 ซึ่งจะทำให้ไทยเสียโอกาสในการสร้างรายได้ไป 5 เดือน คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนการของบกลางนั้น จะนำเรื่องขออนุมัติในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 เพราะของบในครม.ศก. ไปแล้วไม่ได้มีการขัดข้องใดๆ ซึ่งรายละเอียดในการนำงบไปใช้นั้น ยังไม่มีความชัดเจน แต่เป็นการของบตั้งไว้ก่อน เพื่อเตรียมเยียวยาและกระตุ้นตลาดต่อไป ส่วนเรื่องความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ยืนยันให้มั่นใจ เพราะเชื่อว่ากระทรวงสาธารณะสุขสามารถรับมือได้” นายพิพัฒน์กล่าว

นายพิพัฒน์กล่าวว่า ในปี 2563 หากไม่มีเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสขึ้น รัฐบาลได้กำหนดว่า ปี 2563 เป้าหมายภาคการท่องเที่ยว จะอยู่ที่ 41.8 ล้านคน สร้างรายได้รวมทั้งตลาดต่างประเทศ และตลาดในประเทศ 3.16 ล้านล้านบาท ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น ก็คงไม่ง่าย หากจะพยายามวิ่งให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยหากนับตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2563 ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา และการปิดประเทศของจีน ทำนักท่องเที่ยวจีนหายไป 232,114 คน หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาทั้งหมด 383,101 คน เท่ากับในช่วง 8 วันดังกล่าว มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยเพียง 150,987 คน รวมถึงนักท่องเที่ยวในตลาดอื่นๆ ก็จะชะลอการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วย แต่ยังไม่ได้ติดลบ

นายพิพัฒน์กล่าวว่า นอกจากนี้ จากการหารือภายในกระทรวงฯ สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือ การประชาสัมพันธ์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น รวมถึงการดึงนักท่องเที่ยวจากตลาดอาเซียน โดยเฉพาะประเทศในซีแอลเอ็มอี ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจใน 4 ประเทศเหล่านี้ ค่อนข้างเติบโตได้ดี และเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น และเข้าไปหารือกับประเทศอินเดีย เพื่อกระตุ้นให้คนอินเดียเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับการอำนวยความสะดวกของประเทศไทยด้วยว่า จะสามารถอำนวยความสะดวกอะไรเพิ่มเติมได้อีกบ้าง

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ประมาณการผลกระทบของมาตรการที่จีนประกาศให้บริษัทนำเที่ยวในจีนหยุดดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวระหว่างประเทศ โดยห้ามจำหน่ายแพคเกจท่องเที่ยวที่จัดการเดินทางด้วยตนเอง (เอฟไอที) ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย

โดยกระทรวงฯ ได้ตั้งสมมติฐานไว้ 4 ช่วง คือ กรณีที่ 1 จีนห้ามเดินทาง ม.ค.-มี.ค.2563 จะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลด 1.47-1.98 ล้านคน รายได้จะหายได้  6.7-9.1 หมื่นล้านบาท กรณีที่ 2 จีนห้ามเดินทาง ม.ค.-เม.ย. 2563 จะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลด 2.16-2.83 ล้านคน รายได้จะหายได้  0.99-1.3 แสนล้านบาท กรณีที่ 3 จีนห้ามเดินทาง ม.ค.-มิ.ย.2563 จะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 3.23-4.37 ล้านคน รายได้จะหายได้  1.48-2.01 แสนล้านบาท และ กรณีที่ 4 จีนห้ามเดินทาง ม.ค.-ก.ย.2563 จะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 5.21-7.07 ล้านคน รายได้จะหายได้  12.4-3.25 แสนล้านบาท

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image